หากพูดถึงทีมงานที่เป็นเหมือนหน้าด่านคอยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันดีด้วยการทำ Customer Relationship Management หรือ CRM คงหนีไม่พ้นทีม Customer Support ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญที่ถือเป็น Voice of Company ก็ว่าได้ ยิ่งในปัจจุบันธุรกิจต่างๆ ล้วนมีช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้ามากมาย ทั้งออฟไลน์ที่เป็นหน้าร้านและออนไลน์ที่เป็นทั้งโซเชียลมีเดีย อีเมล เว็บไซต์ การทำงานของทีมงานดูแลลูกค้ายิ่งต้องสอดคล้อง รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยความที่มนุษย์เป็นผู้ลงมือทำเองก็อาจจะเกิดความผิดพลาด (Human Error) ได้ 

ดังนั้น การหาเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยเหลือให้การทำงาน Customer Service มีประสิทธิภาพมากขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง นี่จึงเป็นที่มาของการพัฒนา CRM Contact Center Technology ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ในการดูแลลูกค้าคนสำคัญ และช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสร้างลูกค้าสัมพันธ์ชั้นเลิศได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย

แต่การจะมี Contact Center ที่มีประสิทธิภาพและสามารถมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อล่ะก็ การทำ Omnichannel Contact Center อาจเป็นคำตอบสำคัญขององค์กรคุณ

ตามไปหาคำตอบพร้อมกันว่า ทำไม Omnichannel Contact Center ถึงเป็นกุญแจไขความสำเร็จในการมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อแก่ลูกค้าได้?

Contact Center คืออะไร? ใช้งานอย่างไร?

Contact Center คือ ศูนย์การติดต่อหรือศูนย์ปฏิสัมพันธ์ของลูกค้ากับธุรกิจ หลายคนอาจจะถึงว่าเป็นคำเดียวกับ Call Center ที่เน้นให้ลูกค้าติดต่อเข้ามาผ่านโทรศัพท์ แต่จริงๆ แล้ว Contact Center คือ จุดศูนย์กลางในองค์กรที่สามารถติดต่อและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ อีเมล Chat แฟกซ์ จดหมาย หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารลูกค้าสัมพันธ์โดยรวมขององค์กร (CRM)

Omnichannel Solution คืออะไร? ใช้งานอย่างไร?

Omnichannel Solution คือ การทำให้ช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่มีอยู่หลากหลายทั้งแบบ Voice, Online และ Offline เชื่อมต่อถึงกันเป็นหนึ่งเดียวด้วย Marketing Technology (Martech) ทำให้ข้อมูลของลูกค้าถูกรวมเก็บไว้ด้วยกันในที่เดียว ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างธุรกิจและลูกค้าจากการที่นักการตลาด ฝ่ายขาย หรือฝ่ายดูแลลูกค้าเกิดความเข้าใจลูกค้ามากขึ้น จนสามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและไร้รอยต่อ 

Contact Center สำคัญอย่างไร

เพราะทุกองค์กรจำเป็นที่จะต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ทำให้พวกเขาพึงพอใจ ไว้วางใจ และมีความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) การทำ Contact Center ให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ จุดศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าเป็นเหมือนก้าวแรกที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า หากเกิดความผิดพลาด ล่าช้า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หรือดูแลลูกค้าไม่ได้ในทุกช่องทางย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์แบรนด์และความไว้วางใจในการใช้บริการได้โดยตรง

นอกจากนี้หากองค์กรมีลูกค้าหลายภาคส่วนและต้องใช้ทีม Customer Service การทำงานก็มักจะซับซ้อนมาจากหลายช่องทาง ทำให้ดูแลได้ไม่ทั่วถึง การมีระบบ Customer Service Center ที่เป็นเทคโนโลยีช่วยเหลือทั้งจัดระบบ บริหาร และจัดการแทนในส่วนที่ยุ่งยาก ก็จะเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานในการดูแลลูกค้า ช่วยเพิ่มคุณค่าการรายงาน และการติดต่อลูกค้าได้ จากการขยายการให้บริการลูกค้าไปเป็นรูปแบบ Omnichannel ที่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การบริการที่ราบรื่นแบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience)

6 วิธีพัฒนาการบริการให้กลายเป็น Omnichannel Contact Center

Omnichannel Contact Center ไม่ได้มีแค่จัดการการติดต่อของลูกค้าผ่านหลายช่องทางเท่านั้น เทคโนโลยีนี้สามารถเชื่อมต่อและซิงค์ข้อมูลระหว่างช่องทางการติดต่อของคุณ ช่วยให้คุณมอบประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจง (Personalized Experience) และเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าทุกคนที่ติดต่อกับแบรนด์ของคุณ

นอกจากนี้ ยังช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมของทุกการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey) รวมถึงความต้องการและการติดต่อก่อนหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่ของคุณมีความเข้าใจโดยรวม ช่วยให้พวกเขาสามารถให้การสนับสนุนตามบริบท ซึ่งนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าที่ดีขึ้น

การที่คุณจะพัฒนาการบริการของคุณให้กลายเป็น Omnichannel Contact Center ได้นั้น ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ โดยมีแนวทางคือ

1. ตรวจสอบช่องทางทั้งหมด

เริ่มจากการที่ต้องเข้าใจช่องทางที่คุณใช้งานอยู่ เพื่อจะทำให้รู้ว่าการ Integrate แบบไหนถึงดีที่สุด ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นคือ การตรวจสอบช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าที่มีอยู่ของคุณอย่างละเอียด ระบุช่องทางที่คุณใช้บ่อย และช่องทางที่ลูกค้าใช้บ่อยที่สุด ประเมินประสิทธิภาพของทั้งสองกลุ่มนี้ โดยต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ความต้องการของลูกค้า ความนิยมของช่องทาง และระดับการซัพพอร์ตหรือการบริการที่ให้ผ่านแต่ละช่องทาง

2. ลงทุนในโซลูชัน 

คุณต้องเลือกโซลูชัน Omnichannel Contact Center ที่สามารถ Integrate ช่องทางทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มรองรับช่องทางการสื่อสารที่จำเป็นทั้งหมดด้วยการซิงค์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ในขณะเดียวกันก็คุ้มค่า

แนะนำ Omnichannel Solutions (OCS) เป็นโซลูชันที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจที่ต้องการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีอยู่เข้าด้วยกัน และทำให้สามารถดูแล บริหาร และจัดการได้ในระบบเดียว รวมทุกเครื่องมือสำคัญจากทาง Wisesight ซึ่งช่วยยกระดับและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าของธุรกิจได้อย่างยั่งยืนจากการเชื่อมโยงทุกแพลตฟอร์มที่ทุกธุรกิจมีทั้ง Voice, Online และ Offline ให้เป็นหนึ่งเดียว เรียกได้ว่าตอบโจทย์การทำให้ธุรกิจของคุณเป็น Omnichannel Contact Center อย่างสมบูรณ์แบบ

3. Integrate ช่องทางต่างๆ และตั้งค่าการกำหนดเส้นทาง

เมื่อเลือก Omnichannel Solution ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณมาใช้แล้ว คุณจำเป็นต้องเพิ่มช่องทางทั้งหมดของคุณลงไปเพื่อที่จะเริ่มการบริการลูกค้าบนช่องทางต่างๆ ได้ เท่านี้การติดต่อกับลูกค้าสามารถย้ายไปมาระหว่างช่องทางต่างๆ ได้อย่างง่ายดายตามต้องการ นอกจากนี้การสร้างเส้นทาง Workflow ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยทำให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้งานช่องทางต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อไม่พลาดทุกการสนทนากับลูกค้าที่เข้ามา

สิ่งสำคัญคือ บนช่องทางต่างๆ คุณควรที่จะสามารถส่งให้ลูกค้าติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตัวเป็นๆ ได้ เช่น ติดต่อจากเว็บไซต์ หรือ Inbox บนโซเชียลมีเดียเข้ามา ก็ต้องมีทางเลือกให้เขาเลือกคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ ไม่ได้มีเพียงแค่ Chatbot ตอบให้เพียงอย่างเดียว

4. ใช้ระบบ Automation และ AI

การทำให้ Omnichannel Contact Center สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างทันท่วงทีคือการใช้ระบบ Automation หรือ AI นั่นเอง การมี Chatbot ที่ดีจะสามารถช่วยทำให้ธุรกิจของคุณรับลูกค้าเคสต่างๆ ได้ในชั้นแรกเพื่อกรองเคสต่างๆ ออกจากกัน เพราะลูกค้าย่อมเข้ามาด้วยเหตุผลที่หลากหลายและต้องการให้คุณต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ การมีระบบ Chatbot ที่เชื่อมต่อได้ทุกช่องทางอย่างไร้รอยต่อจะทำให้เจ้าหน้าที่ของคุณทำงานง่ายขึ้น

แนะนำ Chatbot Service Workflow จาก Wisesight ที่มีการออกแบบการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ Chatbot และ Warroom ซึ่งเป็นเครื่องมือบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management Tools: CRM) ในรูปแบบที่ Chatbot จะทำงานร่วมกับทีมแอดมินได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการเคสได้อย่างรวดเร็วและที่สำคัญช่วยลดภาระการทำงานของทางแอดมินลง ให้แอดมินสามารถโฟกัสเคสที่มีความสำคัญ หรือเคสที่ต้องการแก้ปัญหาก่อนเคสที่เป็นคำถามทั่วไป 

5. ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ Contact Center

เมื่อติดตั้งโซลูชันแล้วการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ Contact Center มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการใช้งาน Omnichannel Solution ให้มีประสิทธิภาพได้นั้นย่อมมีความซับซ้อนในช่วงแรกที่นำเข้ามาใช้ เพราะฉะนั้นการฝึกอบรมให้ละเอียด และทำให้เจ้าหน้าที่เข้าใจตรงกันก็จะทำให้ทีม Contact Center ของคุณสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้

6. ตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

คุณต้องคอยติดตามและตรวจสอบว่าระบบ Contact Center ของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าจุดไหนที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าหรือช่วยทำให้ทีมของคุณสามารถทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ คุณก็ต้องมีการปรับให้ Workflow นั้นดีขึ้นไม่เหมือนเดิม เพื่อที่จะทำให้การทำงานทั้งระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อคำนึงในการพัฒนาการบริการให้เป็น Omnichannel Contact Center

การพัฒนาการบริการให้เป็น Omnichannel Contact Center ได้นั้นมีข้อคำนึงอยู่หลายสิ่ง​ โดยเว็บไซต์ Sprinklr ได้ให้ข้อคำนึงไว้ดังนี้

  1. วางแผนการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey Mapping)

สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจ Customer Journey ของลูกค้าในอุดมคติของธุรกิจอย่างละเอียด เพื่อระบุจุดอ่อน ความต้องการ และโอกาสในการพัฒนา จากนั้น ใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับความคาดหวังของลูกค้าและสามารถมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้ลูกค้าได้อย่างแท้จริง

  1. สื่อสารให้สม่ำเสมอและตรงภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่วางไว้

Brand Voice นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารตัวตนหรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ออกไปให้ลูกค้ารับรู้ ดังนั้นทุกช่องทางของคุณต้องให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ เพราะจะช่วยทำให้ลูกค้าจดจำและรู้สึกเชื่อมต่อกับคุณได้

  1. ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการสื่อสารภายในให้มีประสิทธิภาพ

Omnichannel Contact Center ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ แผนก และทีมต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย

  1. ทดสอบ วิเคราะห์ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่าความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคุณต้องมีการเก็บข้อมูลอยู่ตลอดและนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนากลยุทธ์ให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างดีที่สุด

แนะนำ FastHelp5 สุดยอดเครื่องมือระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น

ถ้าหากพูดถึง CRM Contact center technology ที่มีความพร้อมในการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการทำงานของทีม Customer Service จากการจัดการข้อมูลต่างๆ ไว้ในที่เดียวและสามารถแบ่งปันข้อมูลได้ รวมถึงมีฟีเจอร์อื่นๆ คอยสนับสนุนให้การดูแลลูกค้าอย่างมีคุณภาพ ก็ต้องเป็น CRM Contact center จากญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องการวางระบบการจัดการที่เป็นระเบียบและใช้งานได้แบบครบวงจร อย่าง “FastHelp5” ระบบ Contact center หนึ่งในเทคโนโลยีจาก FastSeries ที่พัฒนาโดย บริษัท TechMatrix ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับทาง WISESIGHT ทำให้สามารถนำระบบ Contact center มาเชื่อมต่อ API เข้ากับ WARROOM ที่เป็นตัวช่วยสร้าง Customer Engagement ได้ง่าย จึงทำให้จัดการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดี และยังช่วยให้ทีมทำงานสะดวกขึ้น เนื่องจาก FastHelp5 มีคุณสมบัติมากมายหลากหลายอย่างที่ตอบโจทย์การทำงานของศูนย์บริการลูกค้าแบบครบวงจรและนี่คือ 7 คุณสมบัติของ FastHelp5 ที่พลาดไม่ได้ ดังนี้

7 คุณสมบัติของ FastHelp5 ที่ช่วยยกระดับการทำงานด้าน Customer Service ให้ง่ายขึ้น

1.รวบรวมข้อมูลการติดต่อจากทุกช่องทางไว้ในที่เดียว

FastHelp5 เป็น CRM Contact center ที่ช่วยจัดการข้อมูลของลูกค้าด้วยการรวบรวมข้อมูลและประวัติการติดต่อจากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย อีเมล เว็บไซต์ แชท แฟ็กซ์ โทรศัพท์ ฯลฯ มารวมไว้ในระบบเดียว นอกจากจะช่วยทำให้การทำงานง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ลดการทำงานซ้ำซ้อนของทีมได้แล้ว ยังช่วยให้ฝ่ายดูแลลูกค้า ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาดเข้าใจความต้องการของลูกค้า และออกแบบแผนการดูแลลูกค้าได้อย่างตรงจุดในทุกเส้นทางของลูกค้า (Customer Journey) ตั้งแต่เริ่มรู้จักแบรนด์ไปจนถึงเป็นลูกค้าแล้ว

2. สามารถปรับแต่งหน้าจอการทำงานให้เหมาะสมได้เอง

ซอฟต์แวร์ Customer service center หลายเจ้านั้นมีข้อจำกัดในด้านการใช้งานในเรื่องของการปรับเปลี่ยนเครื่องมือให้เข้ากับความเคยชินของทีมงาน แต่ถ้าหากเลือกใช้ FastHelp5  ปัญหานี้จะหมดไป เนื่องจากทีมงานแต่ละคนสามารถปรับแต่งหน้าจอการทำงานให้เหมาะสมได้เอง ช่วยให้การตอบคำถามของลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความตึงเครียดในการทำงานลงได้อีกด้วย

3.มีฟังก์ชันการแจ้งเตือนป้องกันข้อความตกหล่น

การจะทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจได้นั้น นอกจากพนักงานจะต้องมีจิตใจในการให้บริการ (Service Mind) แล้ว เรื่องของความรวดเร็วในการให้บริการเองก็เป็นหัวใจหลักที่ช่วยยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้เช่นกัน 

ดังนั้น FastHelp5 จึงให้ความสำคัญในเรื่องของระบบแจ้งเตือนที่สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนได้หลายระดับ มีทั้งการแจ้งเตือนด้วยข้อความ การแจ้งเตือนด้วยสีตัวอักษร สีพื้นหลัง ความหนาของตัวอักษร หรือจะส่งอีเมลและข้อความในช่องแชทเพื่อแจ้งเตือนก็ได้ ทำให้ช่วยป้องกันการตอบคำถามตกหล่นได้เป็นอย่างดี

4.ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของทีมได้

ถึงแม้ว่า FastHelp5 จะเป็นระบบ Customer service center ที่มีหลายฟังก์ชันและมีผู้ใช้งานระบบมากมาย แต่ก็สามารถรายงานประสิทธิภาพของทีมงานได้ด้วยการจัดทำรายงานในรูปแบบกราฟหรือตารางเพื่อช่วยให้อ่านง่าย อีกทั้งสามารถตั้งค่าเงื่อนไขของรายงานที่ใช้บ่อยไว้ได้ เพื่อใช้ทำเป็นรายงานหรือเป็นข้อมูลที่ต้องนำมาวิเคราะห์เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานและรูปแบบการทำงานที่ควรปรับปรุงต่อไป

5.มีระบบ Ticket management system

FastHelp5 มีระบบ Ticket management system ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การสื่อสารทั้งในและนอกองค์กร โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบประวัติการติดตามเรื่องที่แจ้งเคสมาได้ทั้งหมด ส่วนภายในองค์กรเองก็สามารถจัดระบบการทำงานด้วยการ Assign งานที่เกี่ยวข้องให้กับทีมงานในแต่ละเรื่องได้อย่างราบรื่น และเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้อย่างสะดวกด้วยรูปแบบการใช้งานแบบคลาวด์และแบบออนพรีมิสที่สามารถเลือกได้ตามต้องการ\

6.ปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานตามรูปแบบขององค์กร

FastHelp5 ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถปรับแต่งการทำงานให้เหมาะสมกับทุกประเภทธุรกิจและทุกขนาด แม้เป็นองค์กรไม่ใหญ่ก็สามารถใช้งาน FastHelp5 ได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง เพื่อซื้อซอฟต์แวร์แบบเต็มระบบแต่ว่าใช้งานได้ไม่คุ้มค่า เนื่องจากสามารถปรับเพิ่มหรือลดจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ใช้งานระบบ และรองรับการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ได้เอง 

นอกจากนี้ FastHelp5 ยังเป็น Contact  center ที่เชื่อมต่อ API กับระบบปฏิบัติการอื่นๆ ที่องค์กรมีใช้อยู่แล้ว เช่น การเชื่อมต่อกับระบบโทรศัพท์ (CTI) การเชื่อมต่อกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฯลฯ ซึ่งช่วยลดรายจ่ายในการซื้อโปรแกรมลงไปได้อีกมากเลยทีเดียว

7.ช่วยทำให้ทีมงานตอบคำถามได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบ FAQ

หมดปัญหาตอบคำถามผิดพลาด ตอบคำถามตกหล่น หรือค้นหาข้อมูลเพื่อดูแลลูกค้าไม่ทันเวลาที่กำหนด ด้วยระบบคำถามที่พบบ่อย ( FAQ) ที่ทีมงานใช้ค้นหาข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ในระบบตามหมวดหมู่หรือเงื่อนไขได้ นอกจากนี้ยังใช้ค้นหาเทมเพลตที่สร้างเอาไว้เพื่อใช้ตอบปัญหาโดยไม่ต้องพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง ค้นหาอีเมลหรือข้อความที่เคยส่ง รวมถึงค้นหาประวัติที่ลูกค้าเคยถามเข้ามาก่อนเพื่อดูว่าปัญหาที่เข้ามาใหม่เกี่ยวข้องกับปัญหาเดิมหรือไม่ และควรแก้ไขอย่างไรดี

FastHelp5 จึงนับเป็น One-stop service ในด้าน Contact center สำหรับคนที่ต้องการเครื่องมือ CRM ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของศูนย์บริการลูกค้าได้ทุกรูปแบบ ทำให้ทั้งลูกค้าได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและการใช้งานของ Customer service center อย่าง “FastHelp5” สามารถติดต่อมาที่ทีมงาน Wisesight