การกลับมาของบาร์บี้ (Barbie) ได้เป็นที่น่าจับตามองและสร้างความสนใจให้สาธารณชนอีกครั้ง หลังนำมาทำเป็นภาพยนตร์โดยผู้กำกับที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง เกรต้า เกอร์วิก ทำให้เกิดเป็นกระแส Barbie Fever ขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์การแต่งตัว ไม่ว่าใครก็สามารถเอ็นจอยกับตีมสีชมพู ที่ชวนนึกถึงความเป็นบาร์บี้อย่างเป็นที่แน่นอน หรือเทรนด์การตลาดแบบ Real Time ที่แบรนด์เกาะกระแสหยิบบาร์บี้มาทำแคมเปญสร้างการรับรู้ได้อย่างสนุกสนาน 

จากการเก็บข้อมูลจากทางโซเชียลมีเดียผ่านทางเครื่องมือ ZOCIAL EYE ของบริษัท ไวซ์ไซท์ ประเทศไทย (จำกัด)  ระหว่างวันที่ 20 – 30 กรกฎาคม 2566 มีการกล่าวถึง บาร์บี้ ทั้งหมด 28,623 ข้อความ และมีส่วนร่วมกับกระแสนี้บนโลกโซเชียลมากถึง 36,482,918 เอ็นเกจเมนต์

อย่างที่ใครหลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า Barbie คือตัวแทนความสดใสน่ารัก มีเอกลักษณ์ โดยมีสีชมพู ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของบาร์บี้ได้อย่างดี ทำให้คนจดจำง่ายไม่ว่าจะเป็นเพศหรือวัยไหนก็ตาม เรามาลองดูกันดีกว่าว่าหลังจากที่มีข่าวภาพยนตร์บาร์บี้ออกมาแล้วนั้น กระแสทางโซเชียลหรือแบรนด์ต่างๆ มีการหยิบยกตีมสีชมพูบาร์บี้มาเล่นอย่างไร และมีความสร้างสรรค์แตกต่างกันอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย!

โดยการพูดถึงกระแสบาร์บี้ แม้ว่าแพลตฟอร์มหลักอย่าง Facebook ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับแบรนด์ต่างๆ ก็ยังแพ้การพูดถึงบาร์บี้บนทวิตเตอร์ไปได้ โดยมีการพูดถึงบาร์บี้แบ่งเป็น Twitter (คิดเป็น 53.45%), Facebook (คิดเป็น 26.53%), Instagram (คิดเป็น 10.88%), ตามมาด้วย YouTube (คิดเป็น 6.02%) และอื่นๆ คิดเป็น 3.12%

มีคนดังมากมายหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นคนในวงการ หรือว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่หันมาแต่งตัวตามเทรนด์บาร์บี้  หรือบ้างก็เกิดจากความชอบของตัวเองในวัยเด็ก และได้กลับมาลองทำตามความฝันอีกครั้ง  เรามาดูกันดีกว่าว่ามีคนดังใครบ้างที่ร่วมด้วยกับกระแสบาร์บี้นี้และทำให้คนในโลกโซเชียลตื่นเต้นกันอย่างไรบ้าง 

ทุกคนอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้วสำหรับ Lowcostcosplay ที่ชอบนำสิ่งของรอบตัวมาทำเป็นคอสตูมเพื่อคอสเพลย์ตามเทรนด์ โดยครั้งนี้เขาได้คอสเพลย์เป็นฉากในภาพยนตร์บาร์บี้ สร้างเอ็นเกจเมนต์ไปได้ไม่น้อย (362,065 เอ็นเกจเมนต์) สำหรับท่านต่อไปสาวดารารุ่นใหญ่อย่าง เอ้ ชุติมา เรียกได้ว่าสวยจนลืมอายุกันไปเลยทีเดียว (84,316 เอ็นเกจเมนต์)  ต่อมาจะไม่พูดถึงไม่ได้อย่างอินฟลูฯ สายบิวตี้บล็อกเกอร์อย่างตู่ Soundtiss ที่ได้มีการทำคอนเทนต์แต่งหน้าร่วมกับ เกรซ กาญจน์เกล้า แปลงโฉมให้กลายเป็นบาร์บี้ ชาวโซเชียลได้มีความคิดเห็นที่ตรงกันว่า สวยจนตะลึง (59,027 เอ็นเกจเมนต์)

และต่อไปเรามาดูกันต่อดีกว่าว่าแบรนด์ที่ปรับตัวได้รวดเร็วตามกระแสของโซเชียลมีเดียได้ทันท่วงทีจะมีแบรนด์อะไรบ้างที่เข้ามาลงสนามในแคมเปญสีชมพูนี้ จะเป็นแบรนด์หน้าคุ้นหรือจะเป็นแบรนด์น้องใหม่ลองดูกัน

เริ่มด้วยแบรนด์แรกที่เราคุ้นเคยกันตั้งแต่เด็กเหมือนกับตัวบาร์บี้เองอย่าง เด็กสมบูรณ์ ที่เป็นแบรนด์อยู่คู่ครัวไทยแทบจะทุกบ้านเลยก็ว่าได้ ได้นำกระแสบาร์บี้นี้มาใช้ทำตลาดของตัวสินค้าที่เป็นสินค้าตัวเดิมของทางแบรนด์อยู่แล้ว แต่ดันมีสีที่ฉลากตรงกันกับสีชมพูพอดี จึงทำให้สามารถนำข้อนี้มาเป็นลูกเล่นในโพสต์ได้ หรือแบรนด์ร้านอาหารชื่อดังอย่าง บาร์บีคิว พลาซ่า ที่ได้จับเจ้ามาสคอตตัวเก่งของทางร้านอาหารอย่างบาบิก้อนมาสวมใส่ชุดเจ้าหญิงหวานแหวว และได้เสียงตอบรับจากชาวโซเชียลอย่างล้นหลาม หรือแม้แต่แบรนด์ไอศกรีมสุดฮิตอย่าง Swensen’s ก็ไม่ตกขบวนในการเล่นกับชาวโซเชียล ได้ทำการออกเมนูใหม่เป็น “บารรร์บี้ วิปครีม” วิปครีมสีชมพูที่จะมาเพิ่มความอร่อยในการกินไอศกรีมไปอีกแบบ

ถึงอย่างนั้นแล้วนอกจากกระแสจากตัวบาร์บี้เองนั้น ตัวภาพยนต์เองก็ยังได้รับเสียงตอบรับจากแฟนหนังตัวยงและประชาชนทั่วไป ว่าเป็นหนังที่นอกจากจะเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของใครหลายคนแล้ว ก็ยังแฝงด้วยปรัชญาบางอย่างที่สะท้อนให้เห็นความคาดหวังที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงในสังคมปัจจุบัน ซึ่งภาพยนต์ได้รับเสียงจากชาวโซเชียลว่า ถูกสร้างมาเพื่อซัพพอร์ตและให้แง่คิดมุมมองใหม่สำหรับผู้หญิงที่กำลังกดดันตัวเอง จนกระทั่งว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่กลั้นน้ำตาไม่ไหวหลังรับชมจบ ซึ่งการแฝงแง่คิดในแนวนี้ อาจจะไม่ถูกใจคนบางกลุ่ม อาทิเช่น กลุ่มคนที่ Anti-Woke ที่ไม่เชื่อในแนวคิดเฟมินิสต์ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในโลกโซเชียลจนถึง ณ ปัจจุบันนี้

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ทำให้โซเชียลคึกคักได้อีกครั้งกับความหวานแหววของตีมบาร์บี้สีชมพู นอกจากการแต่งตัวที่น่ารักตามบาร์บี้แล้ว กระแสการไปดูภาพยนตร์เรื่องบาร์บี้ก็ยังมีการพูดถึงอย่างมากในโซเชียล เพราะหนังเรื่องนี้ได้สะท้อนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคม ณ ตอนนี้อีกด้วย และสิ่งนี้ยิ่งเข้ามาตอกย้ำได้ว่า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยแล้วนั้น บาร์บี้ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัยได้อย่างเสมอมา