หลายธุรกิจต้องการทราบว่า ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ที่ธุรกิจควรมีนั้นคืออะไร และจะหาข้อมูลดังกล่าวได้จากไหน วันนี้ Wisesight จะพาไปทำความรู้จักกับแหล่งข้อมูลชั้นดีจากบริการ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS ที่ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเป็นผู้คิดค้นและพัฒนาขึ้นเป็น 3 รูปแบบงานวิจัย ได้แก่ 1. BRAND ANALYSIS 2. CONSUMER INSIGHT และ 3. TREND ANALYSIS ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อการค้นคว้าโอกาสทางธุรกิจที่นำ Data Science หรือวิทยาศาสตร์ข้อมูล เข้ามาช่วยเจาะลึกทุกอินไซต์ ครอบคลุมทุกพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ธุรกิจต้องการรู้ รวมถึง วิเคราะห์เปรียบเทียบคู่แข่งให้สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจตัวเองได้ทันที

โดยจากประสบการณ์การวิเคราะห์ข้อมูล และการทำงานกับแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย ทำให้ทีม RESEARCH เล็งเห็นหลากหลายมุมมองที่น่าสนใจ และวิเคราะห์ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS ออกมาด้วยขั้นตอนการวิจัยเชิงลึกที่มีประสิทธิภาพในหลากหลายมิติ และนี่คือ 3 ขั้นตอนการทําวิจัยเบื้องต้นของการทำ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS  พร้อมประโยชน์ของการนำไปใช้งานที่เราอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักพร้อมๆ กัน

ขั้นตอนการทําวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS เพื่อหา Consumer Insight

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

สำหรับรูปแบบกระบวนการวิจัยพื้นฐานที่จำเป็นในการนำไปสู่การค้นหาความต้องการของลูกค้าที่ทางทีม RESERCH ของเราใช้เป็นหลักการในการเริ่มต้นทำวิจัยจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอนหลักๆ ได้แก่

1. วิจัยเชิงบุกเบิกหรือวิจัยเพื่อการสำรวจ (EXPLORATORY RESEARCH)

จะเป็นขั้นตอนเริ่มต้นทำวิจัยจากการรู้ถึงปัญหาแล้วนำมาทำเป็นหัวข้อที่สนใจ โดยจะใช้วิธีการตั้งคำถามที่มีประสิทธิภาพจากปัจจัยต่างๆ เช่น เริ่มตั้งคำถามจากสิ่งที่เป็นปัญหาของลูกค้า, พฤติกรรมของผู้บริโภค หรือปมปัญหาของธุรกิจ เพื่อทำให้หัวข้อของการวิจัยมีความเฉพาะเจาะจงมากพอที่จะเข้าสู่กระบวนการทำวิจัยขั้นต่อไป

2. วิจัยเชิงบรรยายหรือวิจัยเชิงพรรณนา (DESCRIPTIVE RESEARCH)

จะเป็นขั้นตอนที่มุ่งเน้นการค้นหาคําตอบหรือคําอธิบายของข้อเท็จจริงว่า อะไรที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น โดยจะค้นพบข้อสรุปหรือผลลัพธ์ที่ต้องการค้นหาได้จากการสำรวจและการวิเคราะห์เชิงลึก และมีจุดสำคัญอยู่ที่วิธีการเก็บข้อมูลซึ่งต้องเชื่อถือได้ และข้อมูลจะต้องได้มาจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนที่ดีด้วย

3. การวิจัยเชิงอรรถาธิบาย หรือการวิจัยเชิงวิเคราะห์ (EXPLANATORY RESEARCH) 

จะเป็นขั้นตอนการวิจัยที่ใช้ในการศึกษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อหาอินไซต์ (Insight) ซึ่งเป็นเป้าหมายของธุรกิจ เช่น เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเดิมที่มีอยู่

วิธีการสำรวจข้อมูลเพื่อนำมาทำวิจัย

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

ในขั้นตอนการวิจัยเชิงบุกเบิกหรือวิจัยเพื่อการสำรวจ (EXPLORATORY RESEARCH) จะมีกระบวนการแยกย่อยที่ทีม RESEARCH ของ Wisesight ใช้เพื่อดำเนินการให้ได้ข้อมูลสำรวจที่เพียงพอต่อการนำมาวางแผนเป็นหัวข้อการวิจัยที่ต้องการ โดยจะเริ่มต้นตามขั้นตอนต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.การวัดหรือประเมินภาพรวมของแบรนด์ (BRAND HEALTH CHECK) 

โดยการดูว่าโปรดักต์ของธุรกิจคืออะไร และในโซเชียลมีเดียพูดคุยถึงโปรดักต์แบบไหน เพื่อให้เข้าใจโปรดักต์ได้มากขึ้น ก่อนจะทำการลงรายละเอียดที่มากขึ้นในขั้นตอนต่อไป

2.ทำความเข้าใจคุณสมบัติของโปรดักต์ (DEFINE KEY BENEFIT)

หลังจากประเมินสุขภาพของแบรนด์แล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการทำความรู้จักกับโปรดักต์ในเชิงลึกขึ้น โดยหาว่าคนรับรู้คุณสมบัติของโปรดักต์ในแง่ไหน เช่น ช่วยอะไร หรือแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง 

3.การคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย (DEFINE TARGET)

โดยการตั้งคำถามว่า ใครที่จะได้รับประโยชน์เหล่านี้ เพื่อหากลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ และกำหนดเป้าหมายได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

4.ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพให้มากขึ้น (MORE UNDERSTANDING ABOUT PORTENTIAL CUSTOMER)

หลังจากได้กลุ่มเป้าหมายมาแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการหาว่า พวกเขามีพฤติกรรมอย่างไร ทั้งในฝั่งของพฤติกรรมการซื้อและความสนใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายที่จะนำไปใช้วิเคราะห์ได้มากขึ้น

วิธีการกำหนดหัวข้อวิจัย

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

หลังจากทำการตั้งคำถามและสำรวจข้อมูลการวิจัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเป็นขั้นตอนของการกำหนดหัวข้อวิจัย โดยจะเริ่มต้นจากกระบวนการดังต่อไปนี้

1.การกำหนดหัวข้อ (DEFINE TOPIC)

เป็นขั้นตอนที่ทีมวิเคราะห์ข้อมูลจะทำการสรุปว่าจะเลือกวิเคราะห์ข้อมูลในหัวข้อใด

2.ลงรายละเอียดและเลือกหัวข้อ (BREAKDOWN DETAILS AND CHOOSE ONE)

จะเป็นขั้นตอนที่ทำให้หัวข้อแคบลงและมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการคัดกรองด้านข้อมูลในขั้นถัดไป

3.กำหนดแหล่งที่มาของข้อมูล (DEFINE WHERE TO OBTAIN DATA)

หลังจากมีหัวข้อที่แข็งแรงและชัดเจนแล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการหาข้อมูลจากแหล่งที่มาชั้นดีด้วยระเบียบวิธีการวิจัยต่างๆ เช่น การใช้ Social Listening Tool, การใช้ Analytics Tool 

4.จัดทำระบบข้อมูล (DATA COLLECTION)

ซึ่งเป็นส่วนของการดึงข้อมูลที่นำมาใช้ในการทำวิจัยจากหัวข้อที่คัดเลือกไว้ และทำการประเมินว่าเป็นข้อมูลที่สามารถใช้งานได้หรือยัง หากมีข้อมูลที่มากหรือน้อยเกินไปอาจจะต้องกลับไปหาข้อมูลใหม่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ มากพอที่จะนำมาใช้ในการหาอินไซต์ต่อไป

5.การเตรียมและจัดหมวดหมู่ข้อมูล (PREPARE & CATEGORIZE DATA)

เป็นขั้นตอนของการอ่านและทำความสะอาดข้อมูล เพื่อนำไปสู่การออกแบบงานวิจัยออกมาในรูปแบบต่างๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ

6.การเล่าเรื่อง (STORYTELLING)

สุดท้ายสิ่งที่ลูกค้าจะได้คือ อินไซต์ที่ต้องการในรูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสม

ยกตัวอย่างการสำรวจข้อมูลและการกำหนดหัวข้อวิจัยที่เห็นภาพชัดมากขึ้น เช่น การสำรวจข้อมูลแบบกว้าง ก็ต้องหาความต้องการออกมาก่อน เช่น นอกเวลาทำงานคนทำอะไรบ้าง? หลังจากนั้นก็ค่อยมองหาวิธีการที่จะทำให้ได้มาซึ่งข้อมูล เช่น ทำการสำรวจข้อมูลเทรนด์ยอดนิยมเช่น Wisesight Trend หรือ Google Trend แล้วเลือกสิ่งที่เกี่ยวข้อง หรือในการที่ทำการสำรวจข้อมูลแบบเจาะจงก็ต้องลงรายละเอียดของความต้องการให้มากขึ้น เช่น ทำไมผู้บริโภคถึงเลือกดื่ม ‘นมช็อกโกแลต’ มากกว่า ‘นมธรรมดา’ ? แล้วนำมาหาระเบียบวิธีที่จะทำให้ได้ข้อมูลมาอย่างเช่น ทำการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับไมโลและโอวัลตินที่เป็นคู่แข่งกัน

ตัวอย่างการวิเคราะห์ข้อมูล

สำหรับขั้นตอนของการหาแหล่งที่มาของข้อมูลที่ต้องการ (DEFINE WHERE TO OBTAIN DATA) จะวิเคราะห์จากแหล่งข้อมูลต่างๆ  เช่น การสอบถามแบบ Focus Group, การใช้เครื่องมือต่างๆ อย่าง Google Trend, Google Keyword Planner ฯลฯ เพื่อหาแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากที่สุด

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT
การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

โดยปกติแล้วการที่จะได้แหล่งข้อมูลที่มีคุณภาพจะมาจากการใช้ Keyword (คำค้นหา) และการติดตามจากเพจต่างๆ บนโลกโซเชียลมีเดีย (Tracking Page) ที่เกี่ยวข้องกับคำ  Keyword อย่างเช่นภาพตัวอย่างทีมวิเคราะห์ข้อมูลจะเริ่มต้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งเก็บจาก 1) Keyword ที่เกี่ยวกับสุขภาพ และ 2) เพจที่เกี่ยวกับสุขภาพ

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT


ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการคัดเลือกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม และคัดเลือกข้อมูลที่ต้องการ (กล่องสีส้ม) ของสิ่งที่ธุรกิจอยากจะให้ความสำคัญ เช่น “TEXT” + “Earn Media” ที่เหมาะสำหรับ Social Listening Tool โดยเฉพาะ

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

เมื่อเลือกข้อมูลมาใช้งานได้ระดับหนึ่งแล้ว จะเป็นขั้นตอนการเตรียมข้อมูลโดยเริ่มต้นจากการทำความสะอาดข้อมูล การจับกลุ่มข้อมูล การจัดอันดับข้อมูล การหาข้อมูลที่โดดเด่นที่สุด และหาว่าความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มีเป็นอย่างไร

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

สุดท้ายจะเป็นขั้นตอนการนำเสนอ ซึ่งควรสามารถตอบคำถามทางธุรกิจที่พบบ่อยของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยรูปแบบรายงานแต่ละรายการควรมีการแสดงภาพไม่เกิน 5-9 รายการ

การนำ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS มาใช้เพื่อธุรกิจ

เรียนรู้ขั้นตอนการทำวิจัยไปแล้ว เราลองมาดูตัวอย่างของการทำ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS เพื่อการค้นหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมกันบ้าง โดยกรณีศึกษาในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการค้นหาว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้คนตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ซึ่งเราก็ได้ทำการสำรวจในหัวข้อที่ทำการลงรายละเอียดหัวข้อแบบเฉพาะเจาะจงมาแล้วว่า มีความเกี่ยวข้องอย่างเช่นหัวข้อ “ที่จอดรถ” ที่เราจะนำมาเป็นกรณีศึกษาเพิ่มเติมว่า การทำ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS จะสามารถเจาะลึกให้เห็นถึงอินไซต์ในเรื่องอะไรได้บ้าง 

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

สำหรับระเบียบวิธีที่จะทำให้ได้หัวข้อการวิจัยที่แม่นยำจะต้องลงรายละเอียดสิ่งที่ต้องการจะศึกษาเพิ่มเติม อย่างการลงรายละเอียดเกี่ยวกับคำสำคัญ (Keyword) “Parking” ทั้งในฝั่งของ Main Keyword คือ เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่สนใจ และ Sub Keyword เป็นคำที่เป็นประเด็นย่อยจาก Main Keyword ซึ่งจะช่วยทำให้เข้าใจหัวข้อในเชิงลึกได้มากขึ้น

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

การสำรวจข้อมูลในมุมแรกสามารถใช้ระเบียบวิธีการค้นหาข้อมูลจากการฟังเสียงของผู้บริโภคบน Social Media ที่จะได้มาจาก Social Listening Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้มองเห็นข้อมูลตามช่วงเวลา (Timeline) ที่ต้องการได้ และใช้หาอินไซต์จากเสียงของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริงโดยไม่มีตัวแปรใดๆ สามารถมาบังคับได้ 

ดังนั้น ในการหาข้อมูลจะเริ่มจากการดูการเคลื่อนไหวของเสียงบนโซเชียลมีเดียในช่วงระยะเวลานั้น เพื่อให้เข้าใจก่อนว่า เทรนด์ของการพูดคุยในหัวข้อที่กำลังศึกษาเป็นไปในลักษณะไหน เช่น มีปริมาณที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ลดลง ฯลฯ ซึ่งจากตัวอย่างก็ทำให้เห็นถึงอินไซต์ที่ผู้คนพูดถึงเกี่ยวกับสถานที่จอดรถ โดยจะวิเคราะห์ทั้งในช่วงเวลาที่มีการพูดถึงมากที่สุด ไปจนถึงรูปแบบของข้อความที่ใช้ว่าเป็นไปในแง่ลบหรือไม่ และในช่วงเวลาไหนมีการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับที่จอดรถเพิ่มเติมบ้าง

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

หลังจากนั้นจะเป็นการเจาะลึกข้อมูลให้ละเอียดมากขึ้น โดยการแบ่งแยกกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มๆ ตามสายผลิตภัณฑ์ (Product Line) เนื่องจากในแต่ละสายผลิตภัณฑ์ก็มักจะมีกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งจากตัวอย่างการทำ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS ของที่จอดรถก็มีการเก็บข้อมูลจากพฤติกรรมการจอดรถซึ่งสร้างปัญหาให้กับการจอดรถในสถานที่ต่างๆ มีการเก็บข้อมูลที่อยู่อาศัย โดยการแบ่งเสียงของผู้บริโภคเป็นกลุ่มคนที่จอดรถตามประเภทที่อยู่อาศัย ทำให้มองเห็นถึงปัญหาได้มากขึ้น

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

นอกจากนี้ ยังทำการวิจัยข้อมูลในส่วนของทางเลือกอื่น (Alternative Choice) ซึ่งเป็นการรับมือของผู้คนเมื่อเผชิญหน้ากับปัญหารถติดหรือที่จอดรถไม่เพียงพอ เพื่อทำให้เห็นถึงวิธีการที่ผู้คนใช้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT


มีการทำสรุปผลข้อมูล (Summary) เพื่อให้เห็นถึงปัญหาภาพรวมของปัญหาที่จอดรถ และวิธีการหลีกเลี่ยงปัญหา ซึ่งก็ยังไม่ใช่วิธีการที่ทำแล้วประสบความสำเร็จนัก เนื่องจากมีอุปสรรคในการใช้งานสูง

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS ยังมีมุมมองในการวิเคราะห์ปัจจัยเสริมที่ช่วยแก้ปัญหาในด้านอื่นๆ ที่นอกเหนือจากทางเลือกอื่น (Alternative Choice) ซึ่งเป็นทางเลือกทั่วไป นั่นคือ การหาเช่าที่จอดรถเพิ่มเติม

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

เมื่อเห็นว่า ปัญหาที่จอดรถเป็นเรื่องสำคัญ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็จะเริ่มมองเห็นถึงโอกาสเกี่ยวกับการทำที่จอดรถในที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้นได้จากข้อมูลสรุปผลที่ตอบโจทย์ปัญหาของการวิจัยนี้นั่นเอง

ตัวอย่าง DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS ของภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV

การวิจัย ขั้นตอนการวิจัย DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS DISCOVERY REPORT

เพื่อให้เห็นภาพของข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากบทวิเคราะห์ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS เราจะขอพาไปดูตัวอย่างอินไซต์ผู้บริโภค (CONSUMER INSIGHT) ที่น่าสนใจและเป็นกระแสที่พูดถึงกันอย่างมากบนโลกโซเชียลในช่วงปี 2022 นี้ นั่นคือ ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งบทวิเคราะห์นี้จะพามาหาข้อสรุปว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าควรสื่อสารอย่างไรให้ตรงใจชาวโซเชียล โดยเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล ผ่านการกรองด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงชื่อแบรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีการพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 230,000 ข้อความ และสร้างการมีส่วนร่วมถึง 11.6 ล้านเอ็นเกจเมนต์

ชวนดาวน์โหลด  INDUSTRY INSIGHT: แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าควรสื่อสารอย่างไรให้ตรงใจชาวโซเชียล ก่อนที่นี่

หรือสำหรับใครที่รู้อยู่แล้วว่าต้องการข้อมูลอะไร แต่ไม่สามารถหาข้อมูลเหล่านั้นด้วยตัวเองได้ การเลือกใช้บริการทำ DISCOVERY RESEARCH ANALYSIS ที่สามารถเจาะลึกข้อมูลเพื่อหาอินไซต์ที่ต้องการ ก็ถือว่าตอบโจทย์ทั้งในด้านการลดต้นทุนในการทำวิจัยเอง และธุรกิจจะได้ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ข้อมูลที่น่าเชื่อถืออีกด้วย ซึ่งถ้าใครสนใจเครื่องมือและบริการด้าน RESEARCH จาก WISESIGHT สามารถติดต่อทีมงาน Wisesight เพื่อสอบถามได้โดยตรงที่นี่เลย