ในการทำ Digital Marketing ไม่ว่าจะเป็นในฝั่งของเอเจนซีหรือคนทำแบรนด์ อาจจะรู้สึกว่าการวาง “Media Plan” นั้นเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน เพราะต้องดูข้อมูล (Data) ในฝั่ง Owned Media บวกกับการดูกระแสของเทรนด์การใช้โซเชียลมีเดียภายใต้หมวดหมู่ของอุตสาหกรรมที่ทำอยู่ หรืออาจจะต้องทำการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมในฝั่งของ Earned Media ในแต่ละเดือนเพิ่มเติม เพื่อนำมาประมวลผลว่าควรที่จะทำ Media Plan อย่างไรให้ประสบผลสำเร็จ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น
แล้วการหาอินไซต์สำหรับทำ Media Plan จากข้อมูลโซเชียลมีเดียจะสามารถทำได้อย่างไรบ้างด้วยการใช้ Social Listening อย่าง Zocial Eye มาดูตัวอย่างการใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อทำ Media Plan ไปพร้อม ๆ กัน
Media Plan คืออะไร
ก่อนจะไปดูวิธีการทำ Media Plan มาทำความเข้าใจก่อนว่า Media Plan คืออะไร
Media Plan คือ การวางแผนการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) โดยเน้นไปที่กระบวนการสื่อสารว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนในการสื่อสาร จะสื่อสารเมื่อไร บ่อยแค่ไหน ไปจนถึงเจาะลึกถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยผลลัพธ์ของกระบวนการนี้คือ การได้ Media Plan ที่ใช้สำหรับการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อแบรนด์ในระยะยาวสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ไปจนถึงการสร้างภาพจำที่ทำให้เกิดการซื้อขายตามมาจากการสื่อสารของแบรนด์ (Brand Communication)
แนะนำ 6 ฟีเจอร์บน Zocial Eye ที่ใช้สำหรับหาเทคนิคในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายบนโซเชียลมีเดีย เพื่อทำ Media Plan
Channel
ฟีเจอร์ที่แสดงผลข้อมูลของโซเชียลมีเดียที่มีข้อมูลปรากฏในแต่ละแคมเปญ
Sentiment
ฟีเจอร์ที่แสดงผลข้อมูลอารมณ์ความรู้สึกของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย โดยแบ่งเป็นความคิดเห็นในเชิงบวก (Positive), ความคิดเห็นเชิงลบ (Negative), หรือความคิดเห็นกลาง ๆ (Neutral)
Top 10 Hashtags
ฟีเจอร์ที่แสดงจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของ Hashtag ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด
Top message by engagements
ฟีเจอร์ที่แสดงผล 3 อันดับสูงสุดที่ปรากฏบน Top Messages By Engagement โดยเรียงลำดับจากโพสต์ที่มีการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงที่สุด 3 อันดับแรกของแต่ละ Platform โดยจะแสดงผลลัพธ์ของโพสต์ได้ ดังนี้
1.1 รายละเอียดของข้อความในโพสต์
1.2 จำนวน Engagement ของโพสต์
1.3 ค่า Sentiment ของโพสต์ (สามารถคลิกเพื่อแก้ไขได้)
Top User
ฟีเจอร์ที่แสดงผล Top users ที่มีจำนวนข้อความมากที่สุดจากช่องทางโซเชียลมีเดียในแต่ละแพลตฟอร์ม โดยจะแสดงรายชื่อ User ที่มีจำนวนข้อความมากที่สุด และจำนวนข้อความ
Account Labels
ฟีเจอร์ที่ใช้ในการค้นหาและคัดกรองบัญชี (Account) ผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดีย โดยจะทำการแบ่งประเภทของบัญชีออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่
– Brand Involvement: เป็นการแบ่งบัญชีผู้ใช้งานในแต่ละหมวดหมู่ที่พูดถึงธุรกิจว่า มีผลลัพธ์ของโพสต์ต่าง ๆ เป็นอย่างไร
– Category: เป็นการแบ่งหมวดหมู่ตามประเภทของธุรกิจ (Brand Industry) และประเภทของบุคคลสาธารณะ (Public Figure)
– Type: เป็นการแบ่งหมวดหมู่ตามประเภทของแบรนด์ ซึ่งจะแบ่งเป็น Public Figure (บัญชีของผู้ใช้งานประเภทบุคคลสาธารณะ), Brand (บัญชีของผู้ใช้งานประเภทแบรนด์) และ
– Audience Size: เป็นการแบ่งหมวดหมู่ตามจำนวนผู้ติดตามของบัญชี (Account) ผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดีย
– TZA: เป็นการแบ่งหมวดหมู่ของอินฟลูเอนเซอร์ตามเกณฑ์การประกาศรางวัล Thailand Zocial Awards
การทำ Social Media Plan ตัวอย่างการใช้ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
มาทำความรู้จักกับ 6 ฟีเจอร์ของ Zocial Eye ที่สามารถใช้ในการทำ Media Plan ได้โดยการเริ่มต้นจากการสร้างแคมเปญด้วย Main keyword เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือสินค้าและบริการในภาพรวมเพื่อดูการพูดถึง ทั้งในมุมจำนวนและลักษณะเฉพาะของแต่ละช่องทาง หลังจากนั้นก็เริ่มต้นดูข้อมูลเชิงลึก (Insight) จากฟีเจอร์ต่าง ๆ ดังนี้


ภาพการแสดงผลฟีเจอร์ของ Zocial Eye ที่สามารถใช้ในการทำ Social Media Plan ได้
1. การใช้งานฟีเจอร์ Channel เพื่อหาข้อมูลแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในแต่ละช่องทาง
หลังจากสร้างแคมเปญบน Zocial Eye เรียบร้อยแล้ว จะสามารถดูข้อมูลสัดส่วนของช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีการใช้งานเพื่อพูดถึง Main keyword เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือสินค้าและบริการ โดยสามารถดูได้ครบในช่องทางโซเชียลมีเดียช่องทางหลัก และปรับมุมมองของข้อมูลได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
- การดู Channel ด้วยจำนวนข้อความ (Message) เป็นการดูว่าช่องทางโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทางมีจำนวนข้อความมากหรือน้อยแค่ไหน โดยแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Pie Chart และตัวเลข
- การดู Channel ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) เป็นการดูว่าช่องทางโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทางมีจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) มากหรือน้อยแค่ไหน โดยแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Pie Chart และตัวเลข

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Channel ด้วยจำนวนข้อความ (Message)

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Channel ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement)
ฟีเจอร์ Channel ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร
การดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Channel จะช่วยทำให้เห็นว่ามีช่องทางโซเชียลไหนบ้างที่ผู้คนใช้งานเป็นจำนวนมาก รวมถึงดูได้ว่าช่องทางโซเชียลมีเดียช่องทางไหนที่มีการมีส่วนร่วมสูง (Engagement) เพื่อที่จะเลือกวางแผนการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียที่สร้างอิมแพ็คให้กับแบรนด์ได้อย่างแม่นยำ
ยกตัวอย่างเช่น จากกราฟตัวอย่างจะเห็นว่าแคมเปญนี้ในช่องทาง Facebook เป็นช่องทางที่มีทั้งจำนวนข้อความ (Message) และจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่สูงที่สุดจากทุกช่องทางก็อาจจะวาง Media Plan ในการใช้ Facebook เพื่อต่อยอดการสร้าง Engagement มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในช่องทาง TikTok ก็เป็นช่องทางที่น่าสนใจ เพราะเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียที่อาจจะไม่ได้มีจำนวนข้อความที่เกิดขึ้นมากนัก แต่กลับมีจำนวน Engagement ที่สูง หากต้องการทำแคมเปญเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมการวาง Media Plan ในช่องทาง TikTok ที่มีประสิทธิภาพก็จะช่วยทำให้เพิ่มยอด Engagement ได้มากยิ่งขึ้น
2. การใช้งานฟีเจอร์ Sentiments เพื่อหาข้อมูลเสียงของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องบนโซเชียลมีเดียว่ารู้สึกอย่างไร
ฟีเจอร์ต่อมาคือฟีเจอร์ Sentiments ที่แสดงข้อมูลของความรู้สึกของผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ซึ่งเราจะใช้ Kirin AI ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ Wisesight ในการวิเคราะห์เสียงของผู้บริโภค (Sentiment Analysis) โดยดูว่าผู้บริโภคมีความคิดเห็นหรือประสบการณ์อย่างไรกับแบรนด์ แคมเปญ หรือเทรนด์ในเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) ซึ่งสามารถปรับมุมมองของข้อมูลได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
- การดู Sentiments ด้วยจำนวนข้อความ (Message) เป็นการดูว่าจากแคมเปญที่ทำการสร้างมานั้นมีสัดส่วนของ Sentiments ในเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) ในแต่ละรูปแบบเท่าไหร่ โดยจะแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Pie Chart และตัวเลข
- การดู Sentimentsl ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) เป็นการดูว่าจากแคมเปญที่ทำการสร้างมานั้นมีจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) ของความคิดเห็นเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) ในแต่ละรูปแบบเท่าไหร่ โดยแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Pie Chart และตัวเลข

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Sentiments ด้วยจำนวนข้อความ (Message)

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Sentiments ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement)
ฟีเจอร์ Sentiments ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร
การดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Sentiments จะช่วยทำให้เห็นว่าในเรื่องที่สนใจนี้มีการแสดงความคิดเห็นของผู้คนบนช่องทางโซเชียลมีเดียในรูปเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) ในสัดส่วนเท่าไหร่ทั้งในด้านจำนวนข้อความ (Message) และการมีส่วนร่วม (Engagement) เพื่อที่จะได้วัดผลว่า คนแสดงความคิดเห็นว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จะได้นำมาวางแผนการทำคอนเทนต์ในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
ยกตัวอย่างการใช้ฟีเจอร์ Sentiments ในการทำ Social Media Plan เช่น อาจจะนำมาเปรียบเทียบในแง่ของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งว่า แบรนด์ไหนที่ครองพื้นที่เสียงของผู้บริโภคอยู่ในขณะนี้ และมีคนพูดถึงในแง่ดีหรือไม่ รวมถึงอาจจะดูว่าลูกค้าสนใจอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไรบ้าง เช่น ชอบหรือไม่ชอบในด้าน Branding, Influencer, Price, Product, ช่องทางการสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งจะนำมาใช้ในวางแผนการใช้โซเชียลมีเดียในฝั่งของการทำ Communication Plan ได้ด้วย
3. การใช้งานฟีเจอร์ Top messages by engagement เพื่อดูว่าคอนเทนต์ไหนที่ได้รับความสนใจในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย
ฟีเจอร์ Top messages by engagement จะแสดงข้อมูลของข้อความ (Messages) ที่มีการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงสุด โดยเรียงลำดับจากโพสต์ที่มี Engagement สูงที่สุด 3 อันดับแรกของแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะมีรายละเอียดของข้อความในโพสต์, จำนวน Engagement ของโพสต์ และ Sentiment ของ โพสต์นั้น ๆ แสดงขึ้นมาให้เห็นด้วย

ภาพการแสดงผลของ Top messages by engagement
ฟีเจอร์ Top messages by engagement ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร
เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้มองเห็นว่าโพสต์หรือเนื้อหาประเภทใดได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ติดตามหรือผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ทำให้สามารถนำข้อมูลนี้มาปรับใช้ในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้ชมเป้าหมายได้ ซึ่งการที่เห็นว่า ข้อความหรือเนื้อหาแบบไหนที่ได้รับการตอบรับดีที่สุดก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้าง Social Media Plan ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้แผนสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งก็จะรู้ว่าโพสต์แบบใดของคู่แข่งได้รับการมีส่วนร่วมที่ดี ทำให้สามารถปรับแผนการตลาดให้เหมาะสมและโดดเด่นกว่าคู่แข่งได้
4. การใช้งานฟีเจอร์ Top users เพื่อดูว่าบัญชีผู้ใช้งานคนไหนที่ได้รับความนิยมในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย
ฟีเจอร์ Top users จะแสดงรายชื่อของบัญชีผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนข้อความ (Messages) สูงสุด และจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงสุดในช่องทางโซเชียลมีเดียหลัก

ภาพการแสดงผลของ Top users
ฟีเจอร์ Top users ของ Zocial Eye ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร
ฟีเจอร์นี้ช่วยในการระบุผู้ใช้งานที่มีอิทธิพลสูงในกลุ่มเป้าหมายจากช่องทางโซเชียลมีเดียในแต่ละช่องทางได้ หากบัญชีผู้ใช้งานนั้นมีผู้ติดตามสูงจากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือ KOL ก็สามารถนำข้อมูลนี้มาวางแผนการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์หรือ KOL เพิ่มเติมได้ เพื่อการทำ Media Plan ที่สมบูรณ์มากขึ้นจากการขยายการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ผ่านการแชร์คอนเทนต์ด้วยบัญชีผู้ใช้งานเหล่านี้
นอกจากนี้ยังช่วยทำให้เข้าใจพฤติกรรมของ Top users ว่า พวกเขาชื่นชอบหรือทำคอนเทนต์ประเภทใดมากที่สุด ซึ่งสามารถนำข้อมูลนี้มาใช้ในการวางแผนการทำคอนเทนต์ในอนาคตให้ตรงกับความสนใจของคนกลุ่มนี้ได้มากยิ่งขึ้น
5. การใช้งานฟีเจอร์ Top 10 hashtags เพื่อดูว่าแฮ็ชแท็กใดที่คนพูดถึงมากที่สุดในแต่ช่องทางโซเชียลมีเดีย
ฟีเจอร์ Top 10 hashtags จะแสดงผลของจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของแฮ็ชแท็ก (Hashtag) ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดใน 10 อันดับแรก โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Kirin AI ในการประมวลผล ซึ่งสามารถดูผลลัพธ์ได้ 2 มุมมอง คือ
- การดู Top 10 hashtags ด้วยจำนวนข้อความ (Message) เป็นการดูว่า แฮ็ชแท็ก (Hashtag) ใน 10 อันดับแรกที่มีข้อความสูงสุดมี Hashtag อะไรบ้าง และมีจำนวนเท่าไหร่
- การดู Top 10 hashtags ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) เป็นการดูว่า แฮ็ชแท็ก (Hashtag) ใน 10 อันดับแรกที่มีการมีส่วนร่วมสูงสุดมี Hashtag อะไรบ้าง และมีจำนวนเท่าไหร่
นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนมุมมองไปดูในด้าน Sentiment ได้ด้วยว่า Top 10 hashtags ทั้งในฝั่งของจำนวนข้อความสูง และจำนวนการมีส่วนร่วมสูงนั้นมีคนพูดถึงในแง่ไหนทั้งในเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral)

ภาพการแสดงผลของ Top 10 hashtags
ฟีเจอร์ Top 10 hashtags ของ Zocial Eye ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร
ฟีเจอร์ Top 10 hashtags เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเลือกใช้แฮชแท็กที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และทำให้แผนการตลาดบนโซเชียลมีเดียตรงตามเทรนด์และการใช้งานของผู้คนบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น เช่น
- ช่วยบอกแนวโน้มของกระแสว่าแฮชแท็กใดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด ทำให้สามารถทำคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ และมีโอกาสที่จะกลายเป็น Viral ได้จากการเล่นกระแสบนโซเชียลมีเดีย
- ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง (Reach) รู้ได้ว่าควรใช้แฮชแท็กใดที่จะทำให้คนเข้าถึงได้จำนวนมากที่สุด
- ช่วยวิเคราะห์คู่แข่งว่า แบรนด์คู่แข่งใช้แฮชแท็กใดในการทำแคมเปญ ช่วยให้พลิกเกมการทำการตลาดจากการเล่นแฮ็ชแท็กได้
- ช่วยในการสร้างแฮชแท็กที่สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และสามารถสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนในตลาดได้
6. การใช้งานฟีเจอร์ Account Labels เพื่อหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช่ในแต่ละโซเชียลมีเดีย
ฟีเจอร์ Account Labels จะแสดงข้อมูลของบัญชี (Account) ผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ Category, Type, Audience Size และ TZA ซึ่งสามารถที่จะเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลให้เป็น Pie Chart หรือ Table ได้ตามต้องการ


ฟีเจอร์ Account Labels ของ Zocial Eye ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้สามารถติดป้าย (Label) เพื่อจัดกลุ่มบัญชีผู้ใช้ต่าง ๆ ตามลักษณะ เช่น บอกได้ว่าอินฟลูเอนเซอร์นั้นมีจำนวนผู้ติดตาม (Audienece Size) อยู่ในกลุ่มไหนมากที่สุด, สามารถจัดหมวดหมู่ของบัญชีผู้ใช้งานตามประเภทของธุรกิจ (Brand Industry) และประเภทของบุคคลสาธารณะ (Public Figure) ได้ ทำให้เวลาจะเลือกอินฟลูเอนเซอร์จากประเภทของอุตสาหกรรมไหนสามารถทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยประเมินและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มที่กำหนดไว้ได้ดีขึ้นด้วย เป็นต้น
หรือถ้าดูคู่แข่งก็สามารถเปรียบเทียบการวาง Social Media Plan ของคู่แข่งในด้านการใช้อินฟลูเอนเซอร์ได้ การทำการตลาดของแบรนด์ก็จะได้เลือกเทคนิคที่ไม่ซ้ำหรือก้าวนำคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุป
การใช้งาน 6 ฟีเจอร์นี้จะช่วยทำให้การวาง Media Plan บนโซเชียลมีเดียเกิดขึ้นจาก Social Data โดยตรง แน่นอนว่า ช่วยทำให้การทำแผนการตลาดบนโซเชียลมีเดียสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้นแบบที่ไม่ต้องคาดคะเน ซึ่งมีความเสี่ยงที่แผนนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ในการวัดผลลัพธ์ของแคมเปญที่ทำต่อจาก Media Plan ก็ได้ว่า ผลลัพธ์ที่ได้นั้นตรงไปตามแผนที่วางไว้มากน้อยแค่ไหน

ดูวิธีใช้งาน Zocial Eye เพื่อหาอินไซต์จาก Social Data ในมุมอื่น ๆ ที่ :
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ขยายฐานลูกค้าจากแบรนด์คู่แข่งด้วย Zocial Eye
คอนเทนต์ คืออะไร มีกี่ประเภท ดูวิธีการสร้างคอนเทนต์ด้วยข้อมูลบนโซเชียลมีเดียจาก Zocial Eye
Market Opportunity คืออะไร ดูวิธีการหาโอกาสทางการตลาดด้วย Social Listening Tool
ภาวะวิกฤต คืออะไร ดูวิธีการหาภาวะวิกฤตองค์กรบนโซเชียลมีเดียด้วย Social Listening