ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ การทำ Personalized Marketing หรือการตลาดแบบเฉพาะบุคคล กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์ต่าง ๆ นำมาใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าแต่ละราย
อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาล การนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ อาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากข้อมูลกระจัดกระจายอยู่ในหลายระบบ ทำให้การวิเคราะห์และนำไปใช้ประโยชน์ได้ยาก
ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Personalized Marketing ที่จะช่วยทำให้คุณเจาะใจลูกค้าได้ และวิธีการที่จะทำให้ข้อมูลไม่กระจัดกระจายและสามารถนำมาทำการตลาดเพื่อส่งตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายแบบรายบุคคลได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
Personalized Marketing คืออะไร?
Personalized Marketing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการและความสนใจของลูกค้าแต่ละราย โดยอาศัยข้อมูลที่รวบรวมมาจากพฤติกรรม การซื้อสินค้า และความชอบของลูกค้า เพื่อนำมาปรับใช้ในการสื่อสารและนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตรงใจมากที่สุด

ที่มาภาพ: https://business.adobe.com/
Personalized Marketing มีอะไรบ้าง?
- การแนะนำสินค้าเฉพาะบุคคล: การนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจและพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าแต่ละราย เช่น การแนะนำสินค้าที่เคยดูหรือสินค้าที่คล้ายกัน
- การปรับแต่งเนื้อหา: การสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น บทความแนะนำสินค้า, อีเมลโปรโมชั่น หรือแบนเนอร์โฆษณาที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- การปรับแต่งประสบการณ์บนเว็บไซต์: การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้แสดงผลสินค้าที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าแต่ละราย หรือการแสดงข้อความต้อนรับที่แตกต่างกันไปตามประวัติการเข้าชมของลูกค้า
- การให้บริการลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล: การให้บริการลูกค้าแต่ละรายด้วยข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น การเรียกชื่อลูกค้า หรือการแนะนำโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับประวัติการซื้อของลูกค้า
ทำ Personalized Marketing ดีอย่างไร?
- แนะนำสินค้าแบบเฉพาะบุคคลได้ดีขึ้น: ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจความต้องการของตนเอง ส่งผลให้ตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
- ปรับปรุงการบริการลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจง: ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและรู้สึกประทับใจในบริการ
- วิเคราะห์การซื้อของลูกค้าข้ามช่องทางได้: ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความท้าทายในการทำ Personalized Marketing สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่

ที่มาภาพ: https://www.b2brocket.ai
- ข้อมูลกระจัดกระจายและขาดความเป็นระบบ: ข้อมูลของลูกค้ากระจายอยู่ในหลายระบบ เช่น ระบบ CRM, ระบบอีคอมเมิร์ซ, ระบบโซเชียลมีเดีย ทำให้ยากต่อการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
- ความท้าทายในการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics): ข้อมูลลูกค้ามีปริมาณมากและมีความซับซ้อน การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลจึงต้องอาศัยเครื่องมือเข้ามาช่วย
- การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy): การรวบรวมและใช้งานข้อมูลลูกค้าต้องคำนึงถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- การขาดทรัพยากรและบุคลากรที่เชี่ยวชาญ: การทำ Personalized Marketing ต้องใช้ทรัพยากรและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เช่น การตลาด, การวิเคราะห์ข้อมูล, และเทคโนโลยี
- การรวมข้อมูลจากหลายช่องทาง (Omni-channel Integration): ธุรกิจขนาดใหญ่มักมีข้อมูลลูกค้ากระจัดกระจายอยู่ในหลายระบบ และคุณภาพของข้อมูลที่ได้มานั้นอาจมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ การรวมข้อมูลเอาไว้ในช่องทางเดียวจึงเป็นเรื่องท้าทาย
- การปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่: เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้ธุรกิจปรับตัวให้ทันได้ยาก และการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจต้องใช้ต้นทุนที่สูง
แก้ไขปัญหาการทำ Personalized Marketing สำหรับธุรกิจด้วย Omnichannel Solution
การทำการตลาดแบบ Personalized อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่ดีและรวมเอาไว้ในที่เดียว เพื่อที่จะดึงข้อมูลเหล่านั้นเอามาใช้ต่อได้อย่างสะดวก ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับธุรกิจจะต้องมีความท้าทายในเรื่องการเก็บข้อมูลอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่จะช่วยทำให้ธุรกิจสามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทางได้นั่นก็คือ Omnichannel Solution โซลูชันที่ทำให้ช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่มีอยู่หลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์เชื่อมต่อถึงกันเป็นหนึ่งเดียวและข้อมูลของลูกค้าถูกรวมเก็บไว้ด้วยกันในที่เดียว ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างธุรกิจและลูกค้าจากการที่นักการตลาด ฝ่ายขาย หรือฝ่ายดูแลลูกค้าเกิดความเข้าใจลูกค้ามากขึ้น จนสามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและไร้รอยต่อ
และนอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ Fast Help ที่ช่วยในการทำ Omnichannel Contact Center มีความพร้อมในการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการทำงานของทีม Customer Service จากการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ไว้ในที่เดียวและสามารถแบ่งปันข้อมูลได้ รวมถึงมีฟีเจอร์อื่น ๆ คอยสนับสนุนให้การดูแลลูกค้าอย่างมีคุณภาพ ทำให้ตอบโจทย์การทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น
Omnichannel Solution ช่วยในการทำ Personalized Marketing อย่างไร? [ดูตัวอย่าง]

1. Fully Covered Customer Touchpoint
Omnichannel Solution สามารถรวมทุก Touchpoint ของลูกค้าเอาไว้ได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
- Offline: ช่องทางออฟไลน์ เช่น การติดต่อผ่านสาขาหน้าร้าน หรือการซื้อขายผ่าน POS (Point of Sale)
- Voice: ระบบโทรศัพท์ที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า
- Non-Voice: ช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, อีเมล, โซเชียลมีเดีย (Facebook, LINE, Instagram)
โดยปกติ ธุรกิจมักมีข้อมูลจากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะออนไลน์ ออฟไลน์ ทางโทรศัพท์ ไปจนถึงหน้าร้าน ซึ่งไม่ใช่ว่าลูกค้าหนึ่งคนจะจบที่หนึ่งช่องทาง แต่บางคนอาจจะผ่าน Touchpoint หลายจุด เช่น ลูกค้าทักเข้ามาสอบถามผ่านแชทบอท (Non-Voice) และทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์ (Voice) ซึ่งทำให้การเก็บข้อมูลกระจัดกระจายไปหลากหลายช่องทาง เป็นเรื่องที่ท้าทายต่อการทำ Personalized Marketing เป็นอย่างมาก
แต่ Omnichannel Solution จะช่วยเข้ามาตอบโจทย์สิ่งนี้ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากทุกช่องทางการสื่อสารของลูกค้าเข้ามาไว้ในระบบเดียว ทำให้สามารถนำข้อมูลของลูกค้าจากทุก ๆ Touchpoint มาวิเคราะห์และทำ Personalized Marketing ได้ไม่ว่าจะเป็นการมอบโปรโมชั่นที่เฉพาะให้กับลูกค้า หรือการติดตามความต้องการของลูกค้าที่เฉพาะเจาะจง ก็สามารถตอบโจทย์เขาได้เลยทันที
ตัวอย่างการเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางและการนำไปใช้
- ข้อมูลจากเว็บไซต์ที่สามารถรวบรวมได้ เช่น ลูกค้าเข้ามาดูสินค้าอะไรบ้าง, ใช้เวลาในการดูสินค้านานเท่าไหร่, สินค้าอะไรที่ถูกเพิ่มเข้าไปในตะกร้าสินค้า
- ข้อมูลจากแอปพลิเคชันที่สามารถรวบรวมได้ เช่น ลูกค้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน, สแกน QR code เพื่อรับส่วนลด, ใช้คะแนนสะสม
- ข้อมูลจากร้านค้าที่สามารถรวบรวมได้ เช่น พนักงานขายบันทึกข้อมูลการซื้อสินค้า, ลูกค้าสอบถามเกี่ยวกับสินค้าตัวไหน
- ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่สามารถรวบรวมได้ เช่น ลูกค้าคอมเมนต์หรือไลก์โพสต์เกี่ยวกับสินค้าตัวไหน
เมื่อมีข้อมูลเหล่านี้ครบถ้วน คุณสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างโปรไฟล์ของลูกค้าแต่ละรายได้ เช่น ลูกค้ารายหนึ่งชอบเสื้อผ้าสีพาสเทลและมีขนาด S คุณสามารถส่งอีเมลหรือ Broadcast แนะนำคอลเลคชั่นใหม่ที่มีเสื้อผ้าสีพาสเทลขนาด S หรือจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ได้
ผลลัพธ์ที่ได้
- เพิ่มยอดขายและรายได้: ธุรกิจสามารถแนะนำสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้มากขึ้น ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นและมีโอกาสที่จะซื้อสินค้าในครั้งต่อไปมากขึ้น
- เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: เมื่อลูกค้าได้รับการบริการที่ตรงใจและตอบโจทย์ความต้องการ พวกเขาก็จะมีความพึงพอใจและประทับใจกับแบรนด์มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำและแนะนำให้กับผู้อื่น
- เพิ่มความภักดีต่อแบรนด์: การทำการตลาดเฉพาะบุคคลจะช่วยสร้างความรู้สึกผูกพันระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ทำให้ลูกค้ามีความภักดีต่อแบรนด์และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
- เพิ่มประสิทธิภาพของการตลาด: การทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลจะช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้งบประมาณการตลาดได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากสามารถส่งข้อความที่ตรงใจลูกค้าแต่ละรายได้ ทำให้โอกาสที่ลูกค้าจะตอบสนองต่อแคมเปญการตลาดมีมากขึ้น
- เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น: การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้าในอนาคตได้ และวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. Agent Performance Enhancement
เพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานที่ให้บริการลูกค้า โดยการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น…
- Knowledge Management: ระบบที่รวบรวมข้อมูลและความรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้ตัวแทนตอบคำถามลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
- AI/Chatbot: การใช้ AI และแชทบอทในการตอบสนองคำถามลูกค้าแบบอัตโนมัติ ทำให้ลูกค้าได้รับคำตอบที่รวดเร็ว
- CRM: ระบบจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ที่จะช่วยเก็บข้อมูลพฤติกรรมและการติดต่อทั้งหมดของลูกค้าในที่เดียว

หากลูกค้าติดต่อเข้ามา แน่นอนว่าธุรกิจมีหลายช่องทางให้ติดต่อกับแบรนด์ การใช้ Omnichannel Solution จะช่วยตอบโจทย์ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตอบสนองได้ทันที เพราะมีเครื่องมือที่ช่วยรวมทุกช่องทางเอาไว้ที่เดียว อย่าง Warroom เครื่องมือ CRM ที่ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่เชื่อมโยงช่องทางต่าง ๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สามารถใช้ติดตาม (Tracking) ข้อความต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ที่พูดถึง แบรนด์สามารถเข้าไปโต้ตอบ และรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที
พร้อมด้วยการมี Chatbot ตอบสนองลูกค้าได้ทันที คอยรับลูกค้าขั้นพื้นฐานช่วยกรองเคสต่าง ๆ ออกจากกัน ลูกค้าคนไหนที่จบด้วยแชทบอทก็จะทำให้สะดวกไม่ต้องถึงมือแอดมิน หรือลูกค้าบางคนก็เป็นเคสที่ต้องใช้ทีมงานในการสื่อสารก็จะมีการส่งต่อมายังเจ้าหน้าที่ทันที การมีระบบแชทบอทที่เชื่อมต่อได้ทุกช่องทางอย่างไร้รอยต่อจะทำให้เจ้าหน้าที่ของคุณทำงานง่ายขึ้น

นอกจากนี้ยังมี Knowledge Management System จากระบบ OCS เช่น FastAnswer2 ที่ทำออกมาในรูปแบบฐานข้อมูลหรือ Database ต่าง ๆ ให้พนักงานในองค์กรสามารถดึงออกไปใช้งานหรือเรียนรู้ได้ตลอด และเป็นเครื่องมือที่สามารถเผยแพร่ข้อมูลจำเป็นขององค์กรให้กับลูกค้าได้ ด้วยการที่ลูกค้าเข้ามาค้นหาคำถามที่พบบ่อย เพื่อหาคำตอบในสิ่งที่อยากรู้ด้วยตนเอง
เครื่องมือนี้จึงจำเป็นสำหรับการทำ Omnichannel ที่เน้นไปที่การจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ก็จะช่วยทำให้ข้อมูลทั้งองค์กรเชื่อมต่อกันได้ไร้รอยต่อ
ตัวอย่างการใช้ระบบ Knowledge Management ในการดูแลลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล
สมมติว่าลูกค้ารายหนึ่งโทรเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสินค้าที่เพิ่งซื้อไป พนักงานสามารถใช้ระบบ Knowledge Management เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าตัวนั้น และประวัติการซ่อมแซมที่เคยเกิดขึ้นกับสินค้ารุ่นเดียวกัน จากนั้นพนักงานสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด นอกจากนี้ พนักงานยังสามารถบันทึกข้อมูลการติดต่อครั้งนี้ลงในระบบ CRM เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าในอนาคต
ผลลัพธ์ที่ได้
- เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: เมื่อลูกค้าได้รับการบริการที่รวดเร็ว ถูกต้อง และตรงใจ พวกเขาก็จะมีความพึงพอใจและมีความภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น
- สร้างโอกาสในการขาย: พนักงานสามารถใช้ข้อมูลของลูกค้าในการแนะนำสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้เกิดโอกาสในการขายเพิ่มขึ้น
- ปรับปรุงกระบวนการทำงาน: การใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Knowledge Management และ CRM ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดข้อผิดพลาดในการทำงาน
3. Data Enrichment
นำข้อมูลที่ได้จากทุกช่องทางมาทำการวิเคราะห์และปรับปรุง
- Customer Data Platform (CDP): แพลตฟอร์มที่ช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกช่องทางที่ลูกค้าเข้ามาเชื่อมโยงกับธุรกิจ และสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างแคมเปญการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้
- Marketing Automation: ระบบการตลาดอัตโนมัติที่ช่วยส่งข้อความหรือข้อเสนอที่ปรับให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน เช่น การส่งอีเมลเฉพาะเจาะจงหรือการส่งคูปองส่วนลด
- Message Center: ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรวบรวมทุกช่องทางการสื่อสารเข้าไว้ในที่เดียว ทำให้สามารถติดตามและตอบกลับข้อความของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
- ช่องทางการสื่อสารเข้าไว้ในที่เดียว ทำให้สามารถติดตามและตอบกลับข้อความของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างการนำข้อมูลมาใช้งานเพื่อทำ Personalized Marketing
ธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้ามีข้อมูลของลูกค้ารายหนึ่ง ดังนี้
- ข้อมูลจาก CDP: ลูกค้ารายนี้ชอบเสื้อผ้าสีฟ้า ขนาด M เคยซื้อสินค้าไปแล้ว 3 ครั้ง ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้ง 1,500 บาท
- ข้อมูลจาก Marketing Automation: ลูกค้าเคยเปิดอีเมลโปรโมชั่นเกี่ยวกับเสื้อยืด
- ข้อมูลจาก Message Center: ลูกค้าเคยสอบถามเกี่ยวกับโปรโมชั่นลดราคา
จากข้อมูลเหล่านี้ ธุรกิจสามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงใจลูกค้ารายนี้ได้ เช่น
- ส่งอีเมล: แนะนำคอลเลคชั่นใหม่ที่มีเสื้อยืดสีฟ้าขนาด M พร้อมส่วนลดพิเศษ 20%
- แสดงโฆษณา: เมื่อลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ แสดงโฆษณาป๊อปอัพแนะนำเสื้อผ้าสีฟ้าขนาด M ที่กำลังลดราคา
- ติดต่อผ่าน Message Center: ส่งข้อความส่วนตัวไปยังลูกค้า เพื่อสอบถามความพึงพอใจเกี่ยวกับสินค้าที่เคยซื้อไป
ผลลัพธ์ที่ได้
- เพิ่มยอดขาย: การส่งข้อเสนอที่ตรงใจลูกค้า ทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้น
- สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: การให้บริการที่ตรงใจลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและมีความภักดีต่อแบรนด์
- ลดต้นทุนการตลาด: การทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล ทำให้สามารถใช้งบประมาณการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุป
Personalized Marketing เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความแตกต่างและสร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับลูกค้า การนำข้อมูลของลูกค้ามาใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในการทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และการนำ Omnichannel Solution เข้ามาช่วยจะทำให้ความท้าทายในการทำการตลาดเฉพาะบุคคลหายไป ช่วยยกระดับการทำธุรกิจได้อย่างไร้รอยต่อ และตอบโจทย์ลูกค้าในยุคที่ลูกค้ามีความอดทนที่ต่ำลงและมีความคาดหวังที่สูงขึ้น หากคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญในการทำ Omnichannel Solution โซลูชันจาก Wisesight จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการขับเคลื่อน Personalized Marketing ในยุคนี้ได้แน่นอน
