เพิ่มการแสดงผลของมูลบน Social Metric ด้วยมุมมองแบบ “Comparison View” ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำการเปรียบเทียบข้อมูลแบรนด์ของตัวเองกับแบรนด์คู่แข่งได้ในหน้าจอเดียว และมองเห็นอินไซต์ (Insight) จากการเปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งช่วยทำให้เห็น Brand Performance ที่พร้อมสำหรับนำไปวิเคราะห์แผนการตลาดและการทำแคมเปญ เพื่อเอาชนะแบรนด์คู่แข่งได้อย่างทันท่วงที

วิธีการใช้งาน Comparison View บน Social Metric

1. เข้าใช้งาน Social Metric ได้ที่ https://zocialeye.wisesight.com/account/login

2. เข้าสู่หน้าเครื่องมือ Social Metric ให้คลิกที่ปุ่ม “Compare” ที่อยู่มุมขวามือ

3. ทำการเลือกแบรนด์ที่ต้องการเปรียบเทียบ Brand Performance โดยสามารถเลือกแบรนด์เพื่อเปรียบเทียบได้สูงสุดถึง 10 แบรนด์ หลังจากนั้นให้คลิก “Compare”

4. เมื่อเข้าสู่หน้า Overview ด้านบนจะเป็นรายชื่อของแบรนด์ที่ทำการเลือกไว้ หากต้องการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ที่นำมาเปรียบเทียบกันให้เลือก “Manage Brand” เพื่อทำการแก้ไขได้
ข้อมูลที่แสดงผลบน Comparison View มีอะไรบ้าง
สำหรับข้อมูลที่แสดงผลบน Comparison View บน Social Metric จะสามารถเลือกระยะเวลาที่ต้องการดูข้อมูลได้ โดยข้อมูลจะเปลี่ยนไปตามระยะของเดือนและปีที่เลือก ประโยชน์คือ ช่วยทำให้ผู้ใช้งานเห็นข้อมูลย้อนหลัง เพื่อหาอินไซต์ที่น่าสนใจ เช่น การเติบโตของ Performance ตลอดทั้งปี, คู่แข่งแบรนด์ไหนที่ทำ Performance ได้ดีในแต่ละช่วง ฯลฯ
ซึ่งข้อมูลที่แสดงผลให้เห็นบนหน้า Comparison View จะมีดังต่อไปนี้
หน้า Overview

Brand Score
เปรียบเทียบ Brand Score ซึ่งเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย โดยคำนวณมาจากช่องทางโซเชียลมีเดียที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel) และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นที่กล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channel) ยิ่งมี Brand Score สูงแสดงว่าแบรนด์ทำ Performance ได้ดีเมื่อเทียบกับแบรนด์ที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม
- ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบ Brand Score โดยรวมของแบรนด์ที่เลือกมาเปรียบเทียบได้
- ผู้ใช้งานสามารถดู Owned Score และ Earned Score ของแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้ในตารางเปรียบเทียบเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถดูข้อมูลของ Brand Score แบบละเอียดได้ทั้งการดูเป็นกราฟเส้นของ Score Timeline รวมถึงดูข้อมูลของคะแนนในเดือนปัจจุบัน (Current Score), คะแนนของเดือนก่อนหน้า (Previous Score), อัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับเดือนล่าสุด (Growth form last month), คะแนนเฉลี่ยของ Brand Score (Avg.Score) และอัตราการเติบโตเฉลี่ยโดยจะแสดงผลเป็น % (Avg.growth rate) ในรูปแบบตารางได้

Owned Score
Owned Score ในหน้า Comparison View จะเปรียบเทียบคะแนนช่องทางโซเชียลมีเดียที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel) ในภาพรวมได้ทั้งในรูปแบบของกราฟเส้นและตาราง
Earned Score
Earned Score ในหน้า Comparison View จะเปรียบเทียบคะแนนช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นที่กล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channel) ในภาพรวมได้ทั้งในรูปแบบของกราฟเส้นและตาราง
Sentiment Score
Sentiment Score ในหน้า Comparison View จะเปรียบเทียบคะแนนของผลการวิเคราะห์ความรู้สึกจากข้อความที่ผู้คนพูดถึงแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย โดยจะคำนวณจากการพูดถึงแบรนด์บนโซเชียลมีเดียว่ามีการพูดถึงในแง่บวก (Positive) หรือแง่ลบ (Negative) หาก Sentiment Score สูง แสดงว่า แบรนด์นั้นมีสัดส่วนของการถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียที่เป็นแง่บวก (Positive) มากกว่าแง่ลบ (Negative) และจะคำนวณอยู่ในสัดส่วนช่วง 0% – 100%

1. Engagement Timeline
เป็นการเปรียบเทียบกราฟที่แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ที่นำมาเปรียบเทียบกันมีจำนวนของ Engagement ในแต่ละช่วงอยู่ที่เท่าไร ทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของการมีส่วนร่วม (Engagement) ของผู้คนบนโซเชียลมีเดียของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งแบบชัดเจนว่าแบรนด์ไหนทำ Engagement ได้ดี ดีในช่วงเวลาไหน และสามารถไปเจาะลึกต่อได้ว่า Engagement ดีเพราะอะไร

2. Engagement by Channel
เป็นการเปรียบเทียบข้อมูลของช่องทางโซเชียลมีเดีย (Channel) ที่แบรนด์ในแต่ละแบรนด์ใช้และการมีส่วนร่วม (Engagement) ว่า ในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์มีจำนวน Engagement อยู่ที่เท่าไร โดยแสดงผลเป็นกราฟแท่งเปรียบเทียบให้เห็นว่า ในแต่ละช่องทางใครทำ Engagement ได้ดี นอกจากนี้ ก็ยังมีการแสดงข้อมูลในรูปแบบตารางด้านล่างเพิ่มเติมให้ด้วย

3. Brand Engagement Matrix (YTD)
กราฟที่แสดงการเปรียบเทียบแบรนด์ที่เลือกมาไว้ในลิสต์ว่าอยู่ในตำแหน่งไหนเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันในด้านจำนวนโพสต์ (Post) และการมีส่วนร่วม (Engagment) ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ Leader, Niche, Builder และ Explorer และแบ่งด้วยแกน X แกน Y
- กลุ่ม Leader (Do the right strategy) คือ กลุ่มที่โพสต์มากและได้รับยอดการมีส่วนร่วมมาก (ตีความได้ว่า แบรนด์มีอิทธิพลสูง)
- กลุ่ม Niche (Focus on something) คือ กลุ่มที่โพสต์ไม่มาก แต่ได้รับยอดการมีส่วนร่วมมาก (ตีความได้ว่า แบรนด์มีอิทธิพลสูงต่อผู้คนเฉพาะกลุ่ม)
- กลุ่ม Builder (High content volume) คือ กลุ่มที่โพสต์มากและยังได้ยอดการมีส่วนร่วมไม่มาก (ตีความได้ว่า เป็นแบรนด์ที่กำลังพยายามเข้าถึงคนผู้คนด้วยการทำคอนเทนต์)
- กลุ่ม Explorer (Explore the way to do) คือ กลุ่มที่โพสต์ไม่บ่อยและได้ยอดการมีส่วนร่วมต่ำ (อาจตีความได้ว่า เพิ่งเริ่มสร้างแบรนด์หรือไม่ได้ให้ความสำคัญกับช่องทางโซเชียลมีเดีย)

4. All post list
ฟีเจอร์ที่รวบรวมโพสต์ของทุกแบรนด์ที่นำมาเปรียบเทียบในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียมาแสดงผลให้ในที่เดียว ซึ่งช่วยทำให้เห็นภาพรวมของโพสต์ต่าง ๆ ทั้งภาพ ข้อความ ช่องทางโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงผลลัพธ์สำคัญอื่น ๆ ได้ง่ายมากขึ้น
5. Content Performance
เลือกดูข้อมูลของโพสต์ในแต่ละโพสต์จาก All post list ได้ ทำให้เห็นข้อมูลของโพสต์แต่ละโพสต์แบบละเอียด รวมถึงสามารถกดออกไปดูโพสต์ต้นทางได้ด้วย
หน้าแสดงผลข้อมูลแยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย
ผู้ใช้งานสามารถทำการเปรียบเทียบข้อมูลของแบรนด์ที่เลือกมาแบบแยกดู Performance ในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียหลักได้ถึง 5 ช่องทาง โดยสามารถดูรายละเอียดของข้อมูลได้ดังนี้

1.ดู Score Timeline แยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้
ผู้ใช้งานสามารถเลือกดู Score Timeline แยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้ทั้งในฝั่ง Owned Score และ Earned Score ทั้งในรูปแบบของกราฟเส้นเปรียบเทียบ และรูปแบบข้อมูลที่เป็นตาราง เพื่อดูว่า ช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งใครมี Performance ที่ดีกว่ากัน

2. ดู Engagement Timeline แยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้
ผู้ใช้งานสามารถเลือกดู Engagement Timeline แยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้ทั้งในฝั่ง Owned Score และ Earned Score ทั้งในรูปแบบของกราฟเส้นเปรียบเทียบ และรูปแบบข้อมูลที่เป็นตาราง เพื่อดูว่าผู้คนบนโซเชียลมีเดียในแต่ละช่องทางมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของใครมากที่สุดในช่วงระยะเวลาที่กำหนด

3. ดู Engagement Matrix (YTD) แยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้
ทำการเลือกดูข้อมูลของ Engagement Matrix แยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้ ทำให้แบรนด์เห็นว่าช่องทางไหนที่กำลังเป็นผู้นำเมื่อนำ Performance ของจำนวนโพสต์และจำนวน Engagement มา Plot ลงในกราฟ และในแบรนด์ที่ทำการลิสต์มานั้นมีใครที่โดดเด่น เพื่อที่จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมถึงวิธีการทำแคมเปญ หรือการทำคอนเทนต์ของแบรนด์นั้น ๆ เพิ่มเติม

4. ดู Metric สำคัญแยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้
ในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียจะมีตัวชี้วัด (Metrics) ที่ใช้ในการวัด Performance ของการทำ Social Performance ที่แตกต่างกัน Social Metric จึงทำการรวบรวมและประมวลข้อมูลตัวชี้วัดในช่องทางโซเชียลมีเดียในแต่ละช่องทางทั้งในฝั่ง Owned Channel และ Earned Channel มาแสดงผลเป็นกราฟและตารางเพื่อให้เปรียบเทียบข้อมูลในแต่ละ Metric ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น บน Facebook ที่รวบรวมข้อมูลจากช่องทาง Owned Channel หรือช่องทางที่แบรนด์เป็นเจ้าของเอง มีทั้งหมด 7 จุดข้อมูล (Data Point) ได้แก่ จำนวน Comment, จำนวน Follower, จำนวน Interaction, จำนวน Post, จำนวน Reaction, จำนวน Share และ จำนวน Tag Friend
ส่วนข้อมูลบน Facebook ที่สามารถวัดผล จากช่องทาง Earned Channel หรือช่องทางที่ผู้อื่นพูดถึงแบรนด์มีทั้งหมด 4 จุดข้อมูล (Data Point) ได้แก่ จำนวน Share, จำนวน Daily Unique Messages, จำนวน Reaction และ จำนวน Share
ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบข้อมูลของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งจากข้อมูลเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองเลย



5. ดู All Post List แยกในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้
เจาะจงดูเนื้อหาคอนเทนต์แบบแยกในแต่ละโซเชียลมีเดียที่แบรนด์ของผู้ใช้งานและแบรนด์คู่แข่งทำการโพสต์บนช่องทางที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel) โดยมีการแสดงผลของ Metric แบบเรียงลำดับจากมากไปน้อยให้เห็นด้วยว่า Content Performancee ของแบรนด์ไหนที่ดูโดดเด่นในช่องทางดังกล่าว นอกจากนี้ยังสามารถคลิกเลือกดูรายละเอียด Content Performancee ในแต่ละโพสต์ได้อีกด้วย
ประโยชน์ของ Comparison View บน Social Metric
- ช่วยในการเปรียบเทียบ Brand Performance ได้ในหน้าจอเดียวสูงสุดถึง 10 แบรนด์ ช่วยทำให้รู้ได้ว่าคู่แข่งที่เลือกมาเปรียบเทียบนั้นกำลังทำอะไรอยู่ และมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับแบรนด์ของตัวเอง
- เห็นข้อมูลแยกทั้งในช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์ (Owned Channel) และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นที่กล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channel) จึงดูได้ว่าแบรนด์ไหนทำ Performance ในช่องทางใดได้ดีกว่ากัน
- เห็นข้อมูลเชิงลึกที่แสดงผลประสิทธิภาพของแบรนด์แยกตามแต่ละโซเชียลมีเดียของแบรนด์ที่สนใจ ไม่ต้องเสียเวลารวบรวมข้อมูลทั้งหมดด้วยตัวเอง และโฟกัสที่จะทำ Performance ในแต่ละช่องทางได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยทำให้เข้าใจรูปแบบการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย และปรับกลยุทธ์การทำการตลาดเพื่อเอาชนะคู่แข่ง ด้วยการวางแผนการสื่อสารบนช่องทางโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อ่านข้อมูลของ Social Metric เพิ่มเติมที่ :
- แนะนำวิธีการวัดประสิทธิภาพของแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย (Social Media Metrics) สำหรับทำ Social Media Performance Report แบบง่าย ๆ [ดูตัวอย่างการใช้งาน]
- วิธีทำ KPI Monitoring บนโซเชียลมีเดียด้วย Social Metric แพลตฟอร์มติดตาม Performance สำหรับแบรนด์
- ดูเลย! ข้อมูลไหนบนโซเชียลมีเดียที่แบรนด์ต้องวัดผล [เช็กข้อมูลได้บน Social Metric]