เป้าหมายของการขายสินค้าหรือบริการ แน่นอนว่าคือยอดขาย และการที่จะได้มาซึ่งยอดขายก็ต้องเกิดจากการที่ธุรกิจมีฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี การขยายฐานลูกค้านั้นมีกลยุทธ์มากมายหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการหาลูกค้าใหม่จากกลุ่มลูกค้าของคู่แข่ง 

ในบทความนี้ เราจึงจะมาแนะนำวิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ให้ธุรกิจสามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ของแบรนด์คู่แข่ง โดยการใช้ Social Listening เป็นเครื่องมือในการหาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้ธุรกิจได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประสิทธิภาพ และนำมาวางแผนการทำการตลาดเพื่อเพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ 

และนี่คือ วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วย Zocial Eye โดยการใช้ฟีเจอร์ 5 ฟีเจอร์หลัก ดังนี้

แนะนำ 5 ฟีเจอร์บน Zocial Eye ใช้สำหรับหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจากแบรนด์คู่แข่ง

Logo Recognition

Logo Recognition คือ ฟีเจอร์ที่ใช้ Kirin ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของทาง Wisesight ในการค้นหาข้อความที่มีโลโก้แบรนด์ (Logo) บนรูปภาพที่ผู้คนโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียได้ ช่วยให้แบรนด์สามารถรวบรวมเสียงของผู้บริโภคที่กล่าวถึงแบรนด์ได้ครอบคลุมมากขึ้น แม้จะไม่ได้มีชื่อแบรนด์ปรากฏอยู่ในแคปชันก็สามารถรู้ได้ว่า ภาพนี้กำลังพูดถึงแบรนด์อยู่

Intelligent Insights คือ ฟีเจอร์ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลภายในแคมเปญบน Zocial Eye เพื่อสรุปกราฟและตัวเลขต่าง ๆ ออกมาเป็นข้อมูลเชิงลึก (Insight) ให้สามารถนำไปใช้งานต่อได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยจะแบ่งรูปแบบของการสรุปข้อมูลบน Intelligent Insights ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. การแสดงข้อมูลเชิงลึก (Insight) ที่ประมวลผลโดย ChatGPT ในหลากหลายมุมมอง ทั้งการสร้างข้อความ (Messages) และการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่เกิดขึ้นในแคมเปญ

2. การแสดงข้อมูลเชิงลึก (Insight) ของแคมเปญตามข้อมูลที่ต้องการใช้งาน ดังนี้

  • Overview : สรุปภาพรวมความเคลื่อนไหวทั้งแคมเปญ
  • Messages : เจาะลึกข้อมูลในด้านข้อความ
  • Engagement : เจาะลึกข้อมูลด้านการมีส่วนร่วม (Engagement) 
  • Growth : เจาะลึกข้อมูลการเติบโตที่เกี่ยวข้อง เช่น ช่องทาง (Channel) ที่เติบโต, แฮ็ชแท็ก (Hashtag) ที่เติบโต ฯลฯ
  • User : เจาะลึกข้อมูลของผู้โพสต์
  • Posts : เจาะลึกข้อมูลแบบรายโพสต์

Channel Tracking คือ การเลือกติดตามข้อมูลบนช่องทางโซเชียลมีเดียในแต่ละช่องทาง โดยการใส่ลิงก์ของเพจ, ลิงก์ของ User ฯลฯ เพื่อให้ติดตามข้อมูลเฉพาะช่องทางนั้น ๆ อย่างละเอียดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีเพจ Facebook ที่ต้องการติดตามโดยเฉพาะก็สามารถใช้ Channel Tracking ด้วยการระบุลิงก์ของเพจ Facebook ที่ต้องการดึงข้อมูลโดยเฉพาะลงไปได้เลย เป็นต้น

Hashtag clouds คือ ฟีเจอร์ที่แสดงผลของแฮชแท็ก (Hashtag) ที่ถูกพูดถึงในแคมเปญที่สร้างไว้ ยิ่งแสดงผลออกมาเป็นคำขนาดใหญ่ แปลว่ามีผู้กล่าวถึงแฮชแท็กเป็นจำนวนมาก

Word clouds คือ ฟีเจอร์ที่แสดงผลของคำที่ถูกพูดถึงในแคมเปญที่สร้างไว้ โดยคำที่แสดงผลขนาดใหญ่แปลว่าเป็นคำที่คนพูดถึงในปริมาณมากบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งสามารถคลิกที่คำเพื่อดูข้อความที่มีคำดังกล่าวได้ และยังสามารถคลิกเพื่อเปลี่ยนไปยังโหมด Drilldown ได้

วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วย 5 ฟีเจอร์ของ Zocial Eye 

ทำความรู้จักกับ 5 ฟีเจอร์ของ Zocial Eye ที่สามารถใช้ในการขยายฐานลูกค้าได้จากการดูว่า คู่แข่งมีกลุ่มเป้าหมายประมาณไหนที่กำลังพูดถึงแบรนด์คู่แข่งอยู่ ด้วยการใช้ฟีเจอร์เหล่านี้เพื่อหาข้อมูลเชิงลึก (Insight) ที่ต้องการ โดยสามารถทำตามวิธีด้านล่างนี้ได้เลย ดังนี้

ขั้นที่ 1 การใช้งาน Logo Recognition เพื่อหาข้อมูลจากแบรนด์ที่สนใจ

ทำการเพิ่มโลโก้ของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งลงในขั้นตอน “Create a campaign”

ทำการเพิ่มโลโก้ของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งลงในขั้นตอน “Create a campaign” ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในช่วงการสร้างแคมเปญ เพื่อที่จะติดตามว่าแบรนด์ของตัวเองและคู่แข่งมีคนพูดถึงอย่างไร ไปจนถึงดูปริมาณของการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่เกิดขึ้นได้แบบละเอียด

ขั้นที่ 2 การใช้งาน Intelligent Insights เพื่อหาแบรนด์คู่แข่งที่มี Performance ใกล้เคียงกัน

การใช้งาน Intelligent Insights เพื่อหาแบรนด์คู่แข่งที่มี Performance ใกล้เคียงกัน

ใช้ Intelligent Insights ให้ช่วยสรุปข้อมูลจากแคมเปญที่สร้างขึ้นโดยคลิกที่ Insights ► เลือกที่ Engagement ► เลือกหัวข้อ Which logo has the most engagement 

ตัวอย่างโลโก้แบรนด์ที่แสดงบน Intelligent Insights

หลังจากนั้นจะมีข้อมูลที่สรุปให้เห็นว่า แคมเปญนี้ที่เราทำการเพิ่มโลโก้ของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งนั้น เมื่อเทียบปริมาณการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่เกิดขึ้น โลโก้ของแบรนด์ใดมีแนวโน้มที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายบ้าง 

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณคือ แบรนด์ Coffee (โลโก้ที่ 2) เมื่อดูปริมาณการมีส่วนร่วม (Engagement) แล้วจะเห็นว่า แบรนด์ Beverage ของคู่แข่งนั้นมีปริมาณการมีส่วนร่วม (Engagement) มากกว่าทั้งหมด หากแบรนด์ Coffee ต้องการยอดการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นเพื่อเอาชนะคู่แข่ง ก็ต้องทำการเจาะลึกข้อมูลของแบรนด์ Beverage ต่อว่า ทำการตลาดแบบใด ทำคอนเทนต์แบบไหนถึงได้ยอดการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่สูงกว่าในช่วงเวลาดังกล่าว

ขั้นที่ 3 การใช้งาน Channel Tracking เพื่อติดตามกิจกรรมทางการตลาดของคู่แข่ง

การใช้งาน Channel Tracking เพื่อติดตามกิจกรรมทางการตลาดของคู่แข่ง

หลังจากที่มีลิสต์ของคู่แข่งที่ต้องการจะนำมาดู Performance ในเชิงลึก เพื่อวิเคราะห์ว่า แบรนด์คู่แข่งนั้นทำกิจกรรมทางการตลาดอะไรจึงทำให้มีปริมาณการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่สูง โดยการสร้างแคมเปญด้วยการใช้ Keyword และใช้การทำ Channel tracking เพื่อดูข้อมูลของช่องทางโซเชียลมีเดียที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel) คือ การวิเคราะห์จากข้อมูลประเภทของ Page Posts ของคู่แข่งที่แบรนด์นั้น ๆ ทำคอนเทนต์ลงในช่องทางของตนเอง หรือการดูว่า ช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นที่กล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channel) นั้นผู้คนคอมเมนต์ถึงแบรนด์คู่แข่งในรูปแบบไหน 

ฟิลเตอร์ Tracked by accounts ใช้เพื่อเลือกเพจที่สนใจเพื่อทำการเจาะลึกข้อมูลรายเพจโดยเฉพาะ

หลังจากนั้นเลือกฟิลเตอร์ข้อมูลในช่องทางที่เราทำ Channel tracking เอาไว้ เช่น ทำการติดตามเพจคู่แข่ง 2-3 เพจใน Facebook หากต้องการดูข้อมูลแยกเฉพาะว่าในแต่ละเพจมีความเคลื่อนไหวอย่างไร ให้ทำการเข้าไปที่ Facebook Summary ► เลือกฟิลเตอร์ Tracked by accounts เพื่อเลือกเพจที่สนใจเพื่อทำการเจาะลึกข้อมูลรายเพจโดยเฉพาะ

ขั้นที่ 4 การใช้งาน Hashtag clouds เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง

เมื่อทำการเจาะลึกดูข้อมูลของคู่แข่งเฉพาะแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งแล้ว สามารถใช้ฟีเจอร์ Hashtag clouds เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของคู่แข่งด้วยการสังเกตวิธีการสื่อสารในช่องทางโซเชียลมีเดียที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel) ว่าควรจะโฟกัสที่กิจกรรมทางการตลาดประเภทใด 

การใช้งาน Hashtag clouds เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง

ยกตัวอย่างเช่น สินค้าที่เลือกมาโปรโมต, การจัดแคมเปญการสื่อสาร การใช้พรีเซนเตอร์ การจัดกิจกรรมพิเศษ (Event) หรือการใช้ Tagline ในการสื่อสาร, การเก็บเป็นฐานข้อมูลของคู่แข่ง (Competitor Analysis) ก่อนนำมาวิเคราะห์และวางแผนทางการตลาดเพิ่มโอกาสสร้างการรับรู้แบรนด์ (Awareness) และการพิจารณา (Considaration) ให้กับกลุ่มเป้าหมายของคู่แข่ง

ขั้นที่ 5 การใช้งาน Word clouds เพื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่สนใจแบรนด์คู่แข่ง

Word clouds ใช้เพื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่สนใจแบรนด์คู่แข่ง

นอกจากฟีเจอร์ Hashtag clouds แล้วยังมีฟีเจอร์ Word clouds ที่ใช้ในการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่สนใจแบรนด์คู่แข่ง โดยใช้เพื่อสังเกตว่าในช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นที่กล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channel) นั้นมีการใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่คนพูดถึงแบรนด์คู่แข่งอย่างไรบ้าง อย่างเช่น ภาพตัวอย่างจะเห็นว่าคนใช้คำว่า กาแฟ มากที่สุด ซึ่งถ้าต้องการที่จะดึงความสนใจของกลุ่มเป้าหมายให้สนใจแบรนด์ของคุณมากขึ้นก็อาจจะใช้คีย์เวิร์ดที่คนใช้กันบนโซเชียลมีเดียไปพัฒนาการทำคีย์เวิร์ดบน SEO และ Google Ads หรือใช้ในการพัฒนา Communication Marketing ได้ด้วย

การนำผลลัพธ์ไปต่อยอดใช้งานในแต่ละฟีเจอร์เพื่อหากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ จากแบรนด์คู่แข่ง

รู้ว่าใช้ฟีเจอร์บน Zocial Eye เพื่อหากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ จากคู่แข่งแล้ว เรามาดูว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถนำไปต่อยอดการใช้งานเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง 

1. การใช้ Logo Recognition ทำให้แบรนด์รู้ข้อมูลอินไซต์ที่แบรนด์อาจมองข้ามไป

เนื่องจากการใช้ Logo Recognition จะช่วยรวบรวมข้อมูลจากโลโก้ของแบรนด์ที่ทำการระบุลงไปในแคมเปญแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้รวบรวมเสียงของผู้บริโภคที่กล่าวถึงแบรนด์ผ่านการมองเห็นโลโก้ได้อย่างครบถ้วนมากขึ้น เพราะในการโพสต์บนโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ไม่ได้กล่าวถึงแบรนด์โดยตรงลงบนแคปชั่น แต่อาจจะมีการพูดถึงแบรนด์แค่การถ่ายรูปติดโลโก้ของแบรนด์เท่านั้น 

ซึ่งการติดตามข้อมูลด้วยฟีเจอร์ Logo Recognition จะช่วยทำให้แบรนด์และนักการตลาดได้อินไซต์ที่คาดไม่ถึงเพิ่มเติมมากขึ้น 

เช่น แบรนด์ A เป็นแบรนด์เครื่องดื่ม อยากจะรู้ว่าโลโก้ของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งมักจะปรากฏอยู่ในรูปภาพของผู้บริโภคแบบไหน ก็อาจจะใช้ Logo Recognition ในการติดตาม ซึ่งก็อาจจะทำให้เห็นว่า แบรนด์เราเองคนอาจจะนิยมถ่ายเครื่องดื่มของแบรนด์ที่คาเฟ่ แต่แบรนด์คู่แข่งอาจจะนิยมถ่ายเครื่องดื่มที่งานอีเวนต์มากกว่า ซึ่งก็ช่วยทำให้วางแผนการตลาดต่อไปได้ว่า หากต้องการตีตลาดของคู่แข่งจะต้องเน้นการนำเสนอสินค้าไปในรูปแบบของการดื่มเครื่องดื่มในงานอีเวนต์หรือเฟสติวัลมากขึ้น

2. การใช้ Intelligent Insight ทำให้แบรนด์รู้รายชื่อคู่แข่งที่เกิดขึ้นในตลาด 

Intelligent Insight จะเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยสรุปข้อมูลของทั้งแคมเปญออกมาเป็นรีพอร์ตที่เข้าใจง่าย จึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่งแบบรวดเร็ว และยังทำให้เห็นว่า กลุ่มเป้าหมายกำลังอยู่ในสถานะ Consideration Stage ระหว่างแบรนด์เราและแบรนด์คู่แข่งแบบไหน และใครกำลังได้รับความสนใจจากการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่ได้รับมากกว่ากัน

3. การใช้ Channel Tracking ทำให้รู้ว่าแบรนด์คู่แข่งในแต่ละช่องทางกำลังทำอะไร

จากการทำ Channel Tracking ให้แบรนด์ได้รู้ความเคลื่อนไหวทางกิจกรรมทางการตลาดของแบรนด์คู่แข่งได้ทุกมิติแบบเจาะจงเฉพาะในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย เนื่องจากเราสามารถทำการติดตาม (Tracking) ในรายเพจของแบรนด์นั้น ๆ ได้ จึงช่วยทำให้วิเคราะห์แบรนด์คู่แข่งในเชิงลึกได้ง่ายมากขึ้น และทำให้เห็นอินไซต์ของแต่ละช่องทางของคู่แข่งได้มากขึ้นด้วย

4. การใช้ Hashtag clouds ทำให้เห็นว่าคู่แข่งกำลังโปรโมตอะไรบ้าง

การเจาะลึกข้อมูลทุกช่องทางบนโซเชียลมีเดียด้วยการใช้ Hashtag clouds ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยทำให้แบรนด์รู้ว่าคู่แข่งกำลังทำกิจกรรมทางการตลาดหรือทำการโปรโมตแคมเปญอะไรอยู่บนโซเชียลมีเดีย และได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ช่วยให้เห็นว่า ช่องทางโซเชียลมีเดียที่แบรนด์คู่แข่งเป็นเจ้าของ (Owned Channel) นั้นทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จ มีคนพูดถึงในแง่ไหนบ้าง เพื่อนำมาปรับแผนการสื่อสารและการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายของคู่แข่งได้ต่อไป

5. การใช้ Word clouds ทำให้เห็นคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายของคู่แข่งใช้ในการพูดคุยกัน

การใช้ฟีเจอร์ Word clouds เป็นอีกหนึ่งวิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ จากแบรนด์คู่แข่ง เพราะเป็นการทำให้เห็นว่าผู้ติดตามของแบรนด์คู่แข่งพูดถึงกลุ่มคำไหนมากที่สุด ประโยชน์ของการใช้ Word clouds คือ

  • สามารถนำคีย์เวิร์ดที่ได้ไปค้นหาเทียบกับคีย์เวิร์ด SEO ที่มีความสนใจใกล้เคียงกัน และนำคีย์เวิร์ดไปใช้ในการสร้างบทความ SEO หรือการปรับใช้คีย์เวิร์ดเหล่านั้นในแคปชั่นของแบรนด์ในการโพสต์ไปยังช่องทางการสื่อสามารถที่มีอยู่ นับเป็นกลยุทธ์การเพิ่มการรับรู้ (Awareness) มากขึ้น
  • สามารถนำคีย์เวิร์ดที่ได้ ไปปรับใช้กับการทำ Custom Audience Segment คือ การใช้คีย์เวิร์ดเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายจากความสนใจที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในการยิงโฆษณา เพิ่มโอกาสการได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น

สรุป

วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คู่แข่งด้วย Zocial Eye เป็นการใช้ Social Listening ในการทำหาโอกาสในการทำยอดขายและวางแผนการเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ ซึ่งโซเชียลมีเดียก็นับเป็นหนึ่งช่องทางที่ผู้บริโภคใช้ในการเข้าถึงแบรนด์ ทำความรู้จักสินค้า พิจารณาซื้อ และอาจจะนำไปสู่การปิดขายได้ต่อไปในอนาคต 

หากสนใจใช้ Zocial Eye เพื่อปลดล็อกศักยภาพด้านการทำการตลาด การทำแคมเปญ หรือหา Consumer Insight สามารถลงทะเบียนเพื่อปรึกษาทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ Wisesight ได้เลย 👇

ดูวิธีใช้งาน Zocial Eye เพื่อหาอินไซต์จาก Social Data ในมุมอื่น ๆ ที่ :

เทคนิคการหาอินไซต์สำหรับการทำ Media Plan ด้วย Zocial Eye

คอนเทนต์ คืออะไร มีกี่ประเภท ดูวิธีการสร้างคอนเทนต์ด้วยข้อมูลบนโซเชียลมีเดียจาก Zocial Eye

Market Opportunity คืออะไร ดูวิธีการหาโอกาสทางการตลาดด้วย Social Listening Tool

ภาวะวิกฤต คืออะไร ดูวิธีการหาภาวะวิกฤตองค์กรบนโซเชียลมีเดียด้วย Social Listening