หากต้องการวัดผล Brand Performance บนโซเชียลมีเดีย เราย่อมอยากได้เครื่องมือที่น่าเชื่อถือและสามารถรวบรวมข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ มาไว้ในที่เดียว เพื่อให้เราทำ KPI Monitoring ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมสำหรับการนำมาทำ Social Media Performance Report รวมถึงหา Key Metrics สำคัญสำหรับวัดผลลัพธ์ซึ่งมีอยู่มากมายหลายตัวชี้วัด โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดด้วยตัวเอง

ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาเครื่องมือตามที่กล่าวมา สิ่งที่คุณมองหาก็คือ “Social Metric

Social Metric is a performance dashboard

Social Metric คือ แพลตฟอร์มสำหรับวัดค่าพลังของแบรนด์ ช่วยให้แบรนด์ทำ KPI Monitoring ได้จากการดู Performance ที่ทำได้ในช่องทางโซเชียลมีเดียผ่านแดชบอร์ด (Performance Dashboard) เดียวได้ทุกที่ ทุกเวลา 

มาดูกันดีกว่าว่า แบรนด์จะใช้ Social Metric ในการทำ KPI Monitoring บนโซเชียลมีเดียได้อย่างไรบ้าง พร้อมดูตัวอย่างที่สิ่งแบรนด์สามารถวัดผลและนำมาเป็น KPI ให้กับการทำงานด้านการทำ Branding หรือการทำการตลาดออนไลน์ได้ ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไร ตามไปดูพร้อมกันเลย!

รู้จักกับ KPI Monitoring กันก่อน

KPI Monitoring คือ กระบวนการที่ใช้ในการติดตามและวัดผลตัวชี้วัดประสิทธิภาพ หรือ Metrics ที่มีผลต่อความสำเร็จของแบรนด์ เช่น การมีส่วนร่วม (Engagment) ของผู้ใช้, การเข้าถึง (Reach), การรับชมวิดีโอ (Video View) ฯลฯ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของแบรนด์บนโซเชียลมีเดียว่าทำได้ดีตามที่วางเป้าหมายไว้หรือไม่ นับเป็นการทำ KPI Monitoring ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถปรับปรุงกลยุทธ์และวางแผนขั้นต่อไปได้อย่างมีแนวทางที่ถูกต้องและวัดผลได้จริงมากยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของ Social Metric สำหรับการทำ KPI Monitoring

ในการทำ KPI Monitoring ตัวชี้วัดหรือ Metrics ที่ต้องจับตามองนั้นมักไม่ได้มีเพียงตัวเดียวและไม่ได้มาจากช่องทางเดียว ทำให้การรวบรวมผลเพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงการวางแผนการตลาดเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ดังนั้น เครื่องมืออย่าง Social Metrics จึงออกแบบขึ้นเพื่อช่วยลดเวลาการทำงานในด้านการรวบรวมข้อมูลตัวชี้วัด และการประมวลผลข้อมูลที่นักการตลาดจะต้องทำในทุก ๆ เดือน 

มาดูประโยชน์ของ Social Metrics กันให้ชัดเจนเลย

การรวมข้อมูลจากหลายช่องทางโซเชียลมีเดียมาไว้ในที่เดียว

ในการทำการตลาดของแบรนด์แต่ละครั้งมักไม่ได้ทำเพียงช่องทางเดียว แต่จะทำในหลากหลายช่องทางเพื่อเพิ่มโอกาสการมองเห็น (Impression) การเข้าถึง (Reaech) ไปจนถึงการสร้างการมีส่วนร่วมให้เกิดกับแบรนด์ (Engagement) ซึ่งในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียก็จะมีการเก็บข้อมูลแยกกันออกไป 

Social Metric รวมข้อมูลจากหลายช่องทางโซเชียลมีเดียมาไว้ในที่เดียวเพื่อการทำ KPI Monitoring

ดังนั้น เวลาที่เราจะเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์หรือทำ KPI Monitoring จะต้องเข้าไปเก็บข้อมูลทีละช่องทาง ซึ่งทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก Social Metric จึงพัฒนามาให้สามารถรายงานผลตัวชี้วัดหรือ Metrics สำคัญต่าง ๆ ในทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นของแบรนด์เอง (Owned Channel) หรือเป็นของที่อื่นที่มีการกล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channel) ในที่เดียว โดยรวบรวมมาให้ครบใน 5 ช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น Facebook, Instagram, TikTok, YouTube ฯลฯ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการเก็บข้อมูลอีกต่อไป

แสดงผลลัพธ์ของข้อมูลแบบเดือนต่อเดือน 

Social Metric แสดงผลลัพธ์ของข้อมูลแบบเดือนต่อเดือนเพื่อทำ KPI Monitoring

Social Metric ถูกออกแบบมาเพื่อให้การเก็บข้อมูลเป็นเรื่องง่าย ไม่ใช่แค่ในระยะสั้นแต่ยังรวมถึงการทำงานระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล การทำ KPI Monitoring และจัดทำรีพอร์ตแบบเดือนต่อเดือน หรือการเก็บข้อมูลต่อเนื่องให้ตลอดทั้งปี เพื่อวัดการทำ Brand Performance ว่ามีการพัฒนาเป็นอย่างไร ไม่เพียงให้เราเห็นภาพรวมของประสิทธิภาพแบรนด์เท่านั้นแต่ยังทำให้มองเห็นรายละเอียดที่ต้องแก้ไขและสามารถพัฒนาต่อยอดได้อีกด้วย

ได้ตัวชี้วัดที่ประมวลผลมาแล้วจากผู้เชี่ยวชาญ

แพลตฟอร์ม Social Metric ใช้เกณฑ์การวัดผลและประมวลผลที่แม่นยำตามมาตรฐานเดียวกับงาน Thailand Social Awards จึงสามารถนำไปใช้วัดผล ติดตามคู่แข่งหรือเทียบกับค่ากลางของตลาดได้ตามที่แบรนด์ต้องการ

(การวัดผลบนแพลตฟอร์ม Social Metric นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพิจารณรางวัลในงาน Thailand Social Awards เท่านั้น เนื่องจาก Thailand Social Awards จะมีเกณฑ์การวัดผลอื่น ๆ ถูกนำเข้ามาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย

ได้ตัวชี้วัดที่ประมวลผลมาแล้วจากผู้เชี่ยวชาญสำหรับทำ Kpi Monitoring

ทำให้ได้ออกมาเป็น “Brand Score” ที่เป็นค่าพลังของแบรนด์ ซึ่งเก็บข้อมูลมาจากช่องทางโซเชียลมีเดียที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel) และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นที่กล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channel) แล้วนำมาคำนวณให้ผ่าน 2 มุมมองหลัก คือ

1. Fundamental Factors

คือ ตัวแปรในเชิงปริมาณ โดยจะคำนวณมาจากเมตริกต่าง ๆ ดังนี้

  • Followers หมายถึง จำนวนผู้ติดตามของแบรนด์
  • Reactions หมายถึง จำนวนการกด Like รวมถึงการกด Love, Wow, Haha และ Angry บน Facebook
  • Comment หมายถึง จำนวนการแสดงความคิดเห็น
  • Share หมายถึง จำนวนการแชร์
  • Views on TikTok/YouTube หมายถึง จำนวนครั้งที่มีการดูวิดีโอ
  • Daily Unique Messages หมายถึง จำนวนบัญชีผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียที่พูดถึงแบรนด์ใน 1 วันแบบไม่ซ้ำ 

2. Analytical Factors

คือ ตัวแปรในเชิงคุณภาพ โดยจะคำนวณมาจากเมตริกต่าง ๆ ดังนี้

  • Comment Ratio หมายถึง อัตราส่วนการแสดงความคิดเห็นเทียบกับการมีส่วนร่วม (Engagement) ทั้งหมด
  • Share Ratio หมายถึง อัตราส่วนการแชร์เทียบกับการมีส่วนร่วม (Engagement) ทั้งหมด
  • Owned Sentiment หมายถึง ทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ โดยดูจากคอมเมนต์ที่เกิดขึ้นบนบัญชีที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel)
  • Earned Sentiment หมายถึง ทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ โดยดูจากทัศนคติของข้อความที่มีคีย์เวิร์ดของแบรนด์
  • Facebook Tag Friend หมายถึง จำนวนข้อความของการแสดงความคิดเห็นที่มีการแท็กชื่อคนอื่นภายใต้โพสต์นั้น ๆ 
  • Facebook Intention หมายถึง จำนวนข้อความของการแสดงความคิดเห็นที่แสดงความสนใจต่อแบรนด์หรือคอนเทนต์ของแบรนด์บนช่องทางโซเชียลมีเดียที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel) เช่น สนใจ, ไปตำ, ต้องลอง เป็นต้น

ซึ่ง Brand Score สามารถนำมาเป็น KPI สำหรับวัดผล Brand Performance ได้ ซึ่งถ้าจะทำ KPI Monitoring ในเรื่องของ Brand Score ก็จะต้องใช้ Social Metric ในการดูผลลัพธ์เท่านั้น

รู้ว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมทำได้ดีแค่ไหน 

จะทำ Kpi Monitoring ที่ดีได้ต้องรู้ว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมทำได้ดีแค่ไหน 

การจะรู้ว่าคู่แข่งมี Brand Performance เป็นอย่างไรก็ต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลไม่ต่างจากของเราเอง แน่นอนว่าย่อมต้องใช้เวลาไม่ต่างกันในการนั่งรวบรวมข้อมูล และถ้าคู่แข่งของเรามีมากก็ต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาเปรียบเทียบเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แต่หากเราใช้ Social Metric มาเข้ามาช่วยเหลือ ก็จะสามารถประหยัดเวลาได้ทั้งในเรื่องการเก็บรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์รายงานผล ยิ่งไปกว่านั้น Social Metric ก็ยังมีข้อมูลกว่า 2,000 แบรนด์ให้เลือกเปรียบเทียบ Performance ได้ด้วยตัวเอง

แบรนด์สามารถใช้ Social Metric ในการทำ KPI Monitoring เพราะบนเครื่องมือ Social Metric มีข้อมูลต่าง ๆ มามายที่แบรนด์สามารถใช้วัดผลลัพธ์ได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งวิธีการใช้งานนั้นทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

เลือกแพลตฟอร์ม

เมื่อคลิกเลือก Social Metric แล้วก็กดที่ปุ่มสีน้ำเงินเขียนว่า “Add new brand” และค้นหาชื่อแบรนด์ของเพื่อกดเพิ่มลงไปในแพลตฟอร์ม จากนั้นจะปรากฏหน้าต่างให้สามารถคลิกเข้าไปได้ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไปแล้วก็จะเห็นเป็นข้อมูลตัวชี้วัดต่าง ๆ ของแบรนด์

วัดผลจาก Brand Score: 

กราฟ Brand Score Timeline บน Social Metric เทียบกับเส้นประ Avg. Industry Score

“Brand Score” จะปรากฏอยู่ที่ช่องแรกของหน้าแดชบอร์ดและเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพบนโซเชียลมีเดียของแบรนด์เทียบกับคู่แข่งซึ่งคำนวณจากช่องทางโซเชียลมีเดียที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channel) และจากช่องทางอื่น ๆ ที่กล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channel) โดยช่องที่แสดงค่า Brand Score นั้นเราสามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดการเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน หากแบรนด์ไหนมี Brand Score สูง แสดงว่าในช่วงนั้นแบรนด์ทำผลงานได้ดีเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

ดูข้อมูลบนแดชบอร์ด

สามารถทำ KPI Monitoring ด้วยการวัดผลตัวเลขบนแดชบอร์ดได้แบบเดือนต่อเดือน

นอกจากการดู Brand Score แล้วยังสามารถดูข้อมูลเชิงลึกในเรื่องอื่นได้ และยังสามารถคลิกเข้าไปเพื่อดูรายละเอียดของข้อมูลเหล่านั้นในเชิงลึกได้ เช่น ข้อมูล Owned Score , ข้อมูล Earned Score, ข้อมูล Sentiment Score, Total Post, Daily Unique Messages ฯลฯ และยังมีการจัดลำดับประสิทธิภาพของคอนเทนต์เทียบกับคู่แข่งให้ด้วย

วัดผลจากทั้ง Owned และ Earned Channels

เมื่อเลื่อนลงมาด้านล่างก็จะมีข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Channels) และจากช่องทางอื่นที่กล่าวถึงแบรนด์ (Earned Channels) ซึ่งสามารถดูได้จากช่อง Engagement by Channel พร้อมข้อมูลแฮชแท็กที่เกิดการมีส่วนร่วมมากที่สุดในช่องทางที่แบรนด์เป็นเจ้าของ โดยจากปรากฏอยู่ในช่อง Top Hashtag

ใช้เมตริกเชิงปริมาณและคุณภาพในการวัดผลแต่ละช่องทาง

Facebook owned channel metric
Facebook earned channel metric

นอกจากข้อมูลทางด้านตัวเลขในหน้า Overview ที่เราสามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดทุกช่องทางว่าแบรนด์มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ยังมีข้อมูลของ Brand Performance ในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียแยกออกไปให้เลือกดูได้ เช่น ในช่องทาง Facebook จะมีรายละเอียดของ Score Timeline มาบอกประสิทธิภาพของช่องทางนี้ว่าเทียบกับคู่แข่งแล้วเราทำได้ดีแค่ไหน, Engagement Timeline บอกการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์ม แน่นอนว่ายังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่เก็บข้อมูลมาให้ดูอย่างละเอียดชัดเจน เป็นต้น

ดูรายละเอียดของเมตริกต่าง ๆ ที่สามารถนำมาทำ KPI Monitoring ได้ที่วิดีโอด้านล่าง

สรุป 

การทำ KPI Monitoring บนโซเชียลมีเดีย คือ การติดตามตัวชี้วัด (Metrics) ที่จะบอกให้แบรนด์ทราบถึงประสิทธิภาพว่าแบรนด์สามารถทำการตลาดได้ดีมากน้อยแค่ไหนบนช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งการติดตามตัวชี้วัดในแต่ละครั้งมักเป็นเรื่องยุ่งยากที่เราจะติดตามได้ทั้งหมด จึงควรมีตัวช่วยอย่าง Social Metric ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลอย่างน่าเชื่อถือ พร้อมกับการวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผลที่สามารถดูได้ง่าย ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนสามารถนำไปพัฒนาและปรับปรุงต่อไปได้อย่างมีทิศทางที่ถูกต้อง