ทุกวันนี้การทำงานภายในองค์กรของคุณได้มีการประยุกต์ใช้เครื่องมือเหล่านี้กันบ้างหรือยัง อย่างเช่น 

  • การทำ Omnichannel Marketing ด้วยเทคโนโลยีที่สนับสนุนให้องค์กรสามารถติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและรวบรวมข้อมูลของลูกค้าที่มีอยู่หลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น Voice, Online และ Offline เอาไว้เป็นศูนย์กลางที่พนักงานในแต่ละแผนกสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นระบบ
  • การมีเครื่องมือ Social Listenting ที่ใช้ในการมอนิเตอร์เสียงของผู้บริโภคจากโลกโซเชียลมีเดีย ทำให้แบรนด์รับรู้ได้ว่า ผู้บริโภคมีมุมมองต่อแบรนด์อย่างไรด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยทำให้สามารถรวบรวมเสียงของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วนมากขึ้น เช่น Logo Detection ฟีเจอร์ที่ช่วยตรวจจับโลโก้ของแบรนด์บนรูปภาพ ทำให้แบรนด์เห็นว่าภาพไหนที่กำลังพูดถึงแบรนด์อยู่บ้าง ไปจนถึงเห็นว่าแคมเปญการตลาดที่ทำอยู่ประสบความสำเร็จหรือไม่ (ลองดูวิธีการใช้งาน  Logo Detection ได้ที่ วิเคราะห์เสียงบนโซเชียลในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 ด้วย Logo Detection)

ถ้าหากคำตอบของคุณคือ ‘ใช่’ เท่ากับว่าองค์กรของคุณกำลังใช้งานสิ่งที่เรียกว่า ‘เทคโนโลยีการตลาด (MarTech หรือ Marketing Technology)’ เพื่อขับเคลื่อนองค์กร แน่นอนว่า จะช่วยทำให้พนักงานทำงานได้ง่ายมากขึ้น ทั้งในฝั่งของนักการตลาดที่จะสามารถตรวจสอบ ดำเนินการ จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์สำหรับพัฒนากลยุทธ์และวางแผน ไปจนถึงฝ่ายดูแลลูกค้าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น โดยที่คุณภาพไม่ลดลง การทำความเข้าใจใน Marketing Technology จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน

Martech คืออะไร? 

Martech ย่อมาจาก Marketing Technology คือ เครื่องมือหรือกลุ่มของเครื่องมือ (Martech Stacks) ที่มีทั้งที่เป็นแพลตฟอร์ม โปรแกรม หรือซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยจัดการ พัฒนากลยุทธ์ ติดต่อลูกค้า วัดผลลัพธ์แคมเปญ และช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้นจากข้อมูลที่ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบผ่านเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและส่งมอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น และด้วยความสามารถของ Martech ที่มีทำให้แต่ละองค์กรในปัจจุบันหันมาปรับใช้เทคโนโลยีกับการทำงานทั้งภายในและภายนอกองค์กรกันมากขึ้น

ที่มาภาพ: www.marketingcharts.com

ประโยชน์ของการใช้ Martech สำหรับธุรกิจ

  • เพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำการตลาด: การใช้ Martech ช่วยปรับปรุงกระบวนการการตลาด เช่น การสร้างและบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า, การสร้างและปรับปรุงเว็บไซต์, การวิเคราะห์ผู้ใช้, การจัดการข้อมูลลูกค้า, การทำ Omnichannel Marketing และอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการตลาดในยุคดิจิทัล 
  • ช่วยปรับปรุงการติดตามผลการตลาด: Martech ช่วยวิเคราะห์และติดตามผลการตลาด เช่น การวิเคราะห์บทความ, รีวิวลูกค้า, การติดตามสถิติการเข้าชมเว็บไซต์และอื่น ๆ ทำให้ผู้ดูแลธุรกิจสามารถปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจ: Martech เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีแม่นยำ เนื่องจากมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและถูกต้อง 
  • ลดต้นทุนให้กับธุรกิจ: Martech ช่วยลดขั้นตอนการทำงานทำงานแทนคนได้ รวมถึงในแง่ของงบด้านการตลาดที่อาจจะใช้เท่าเดิมแต่ได้ Lead กลับมามากขึ้นจากการที่มีเครื่องมือช่วยดูแลลูกค้าที่เข้ามาได้ครบถ้วนจากทุกช่องทางทำให้ว่าที่ลูกค้ากลายเป็นลูกค้าตัวจริงได้ง่ายขึ้น
  • ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี (Customer Experiece): จากการที่ข้อมูลของแต่ละแพลตฟอร์มจะถูกนำมาเชื่อมต่อกัน ทำให้การดูแลลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้รอยต่อทั้งในด้านการติดต่อสอบถาม แก้ปัญหา ไปจนถึงการดูแลลูกค้าเพื่อทำให้เกิดการซื้อซ้ำ
  • เพิ่มยอดขาย: การใช้ Martech มีส่วนช่วยในด้านการขายจากการที่แพลตฟอร์มต่าง ๆ สามารถวิเคราะห์หาอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายได้ เช่น Social Listeing, Marketing Analytics ฯลฯ และนำข้อมูลที่ได้มาทำการตลาดต่อด้วย Martech ที่เป็น Advertising Technology และปิดดีลต่าง ๆ ต่อด้วย Chatbot และระบบ CRM ที่ช่วยดูแลลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้เกิดการซื้อขายได้ง่าย
  • เปลี่ยนจากระบบ Manual แบบเดิมๆ เป็น Automation ที่มีประสิทธิภาพ: จากการที่ใช้ Martech แทนการใช้คน ทำให้ลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์อย่างเรา ๆ ลงไปได้ รวมถึงทำให้พนักงานที่ต้องทนทำงานจำเจได้หันไปโฟกัสงานที่มีคุณภาพ เพราะเครื่องมือต่าง ๆ จะทำงานส่วนที่น่าเบื่อเหล่านั้นให้เอง

ประเภทของ Marketing Technology

ในปัจจุบันนี้ Marketing Technology มีมากมาย ซึ่งสามารถจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามรูปแบบการใช้งานได้ ดังนี้

ที่มาภาพ: martechmafia.net

Marketing Analytics และ Performance Tracking & Attribution 

Martech ที่ใช้ในการวิเคราะห์การตลาดและการวัดประสิทธิภาพสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยได้ ดังนี้

  • Generative AI: เป็น Martech ที่ใช้ AI ในการตอบคำถามหรือใช้สำหรับสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ แบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้าง เช่น ใช้สร้างข้อความ รูปภาพ เพลง วิดีโอแบบอัตโนมัติ เพียงแค่เขียนคำสั่งหรือคำถามที่ต้องการคำตอบลงไป นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เพื่อถามหาไอเดียหรือมุมมองใหม่ ๆ จากสิ่งที่เราต้องการทราบได้อีกด้วย โดยคำตอบจะอยู่ในรูปแบบของการถาม-ตอบ ไม่เหมือนกับการท่องเว็บไซต์เพื่อหาคำตอบในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันนี้เราค้นหาข้อมูลบน Google เราก็จำเป็นที่จะต้องกรอกคำถาม แล้วไล่คลิกลิงก์ต่าง ๆ เพื่อหาคำตอบที่ต้องการ แต่ Generative AI จะให้คำตอบกับเราได้เลย โดยที่ AI ทำการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาให้อัตโนมัติแบบที่ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลเองอีกต่อไป ซึ่ง Generative AI ที่นิยมใช้เพื่อทำสิ่งเหล่านี้ ก็อย่างเช่น Bard ของ Google, ChatGPT เป็นต้น
  • Digital Analytics: เป็นกลุ่มของ Martech ที่ใช้ในการวิเคราะห์ทั้งข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า (Customer Behavior) ระบบการสร้าง Dashboard และข้อมูลแคมเปญโฆษณา เช่น Google Analytics 4, Google Search Console เป็นต้น
  • Heatmap Visualization: เป็นกลุ่มเครื่องมือ Martech ที่ใช้ในการตรวจจับพฤติกรรมและการใช้งานเว็บไซต์ของยูสเซอร์ (User)
  • UTM และ Link Management: การสร้างลิงก์เฉพาะเพื่อติดตามการคลิกจากแหล่งที่มาต่าง ๆ
  • Social Media Analytics: เป็นกลุ่มของ Martech ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดีย เช่น Social Litening Tool ฯลฯ 
  • Competitor Analytics: เป็นกลุ่มของ Martech ที่ใช้ในการวิเคราะห์หรือติดตามคู่แข่งในช่องทางต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ Target Keyword ที่คู่แข่งใช้, ประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคู่แข่ง ฯลฯ 
  • Sentiment Analysis: เป็นกลุ่มของ Martech ที่ใช้ในการวิเคราะห์เสียงของผู้บริโภคว่าพูดถึงแบรนด์ในแง่ดีหรือแง่ลบ ทำให้แบรนด์ใช้เพื่อประเมินและจัดการ Crisis Management ที่อาจเกิดขึ้นกับแบรนด์ได้อย่างทันท่วงที

โดย Social Media Analytics, Competitor Analytics และ Sentiment Analysis จะเป็นส่วนหนึ่งในฟีเจอร์ที่มีอยู่ใน ZOCIAL EYE ที่จัดเป็น Social Listening Tool ของทาง Wisesight ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันเพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ของเสียงบนโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Generative AI

Generative AI คือ ปัญญาประดิษฐ์รูปแบบหนึ่งที่สามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่ด้วยการใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และใช้องค์ความรู้เหล่านั้นมาสร้างผลลัพธ์ใหม่ แต่ไม่ใช่การทำซ้ำกับของเดิมโดย Martech ในสาย Generative AI  มีด้วยกันหลายแบบทั้งแบบการสร้างงานเขียน, วิดีโอ รูปภาพ, เสียง ฯลฯ โดยที่มนุษย์ไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในการกระบวนการสร้าง ทำแค่เพียงกรอกคำสั่งเข้ามาเท่านั้น แล้ว AI จะทำงานให้เอง ยกตัวอย่าง Generative AI ที่นิยมในปัจจุบัน เช่น ChatGPT, Bard ของ Google เป็นต้น

Business/Customer Data Visualization Technologies

จะเป็นเครื่องมือ Matech ที่ใช้สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลดิบและแสดงผลลัพธ์ให้ออกมาเป็นภาพ เช่น กราฟ แผนภาพ แผนที่ ตาราง เพื่อให้นำไปใช้ประกอบเป็นแดชบอร์ดได้ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรเห็นรายงานได้อย่างชัดเจน รวมถึงสื่อสารข้อมูลเดียวกันด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน โดยเครื่องมือ Data Visualization สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยตามความสามารถได้ดังนี้

  • การแสดงข้อมูลและแดชบอร์ด: เครื่องมือในกลุ่มนี้สามารถแยกมิติของข้อมูล การวัดผล และรวมข้อมูลเข้าด้วยกันจนกลายเป็นภาพ (Visual) นอกจากนี้ บางเครื่องมืออาจมีความสามารถในการคำนวณข้อมูล เช่น การบวกเลข การหาค่าเฉลี่ย การสร้างเส้นแนวโน้ม เป็นต้น เพิ่มมาอีกด้วย ยกตัวอย่าง Martech ประเภทนี้ เช่น Google Data Studio, Tableau เป็นต้น
  • การเตรียมข้อมูล: เครื่องมือในกลุ่มนี้จะเน้นการเตรียมข้อมูล เช่น การทำความสะอาดข้อมูล การขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน การรวมข้อมูล การแปลงข้อมูล เป็นต้น ยกตัวอย่างเครื่องมือ เช่น Power BI เป็นต้น

Conversion Rate Optimization / Personalization

จะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มอัตราการปิดการขายให้ได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เครื่องมือที่ช่วยพัฒนาการนำเสนออีเมลหรือแอดโฆษณาแบบไดนามิก เพื่อให้คอนเทนต์ที่ลูกค้าเจอตรงกับสิ่งที่พวกเขาค้นหาอยู่ได้มากที่สุด, การปรับหน้าตาเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจที่แตกต่างกัน ฯลฯ ซึ่งในการใช้เครื่องมือกลุ่มนี้จะมีจุดประสงค์หลักเพื่อสร้างอัตรา Conversion ที่สูงขึ้น (Conversion Rate Optimization) หรือเพื่อสร้างความประทับใจที่ดีต่อผลิตภัณฑ์และองค์กร (Brand Loyalty) เป็นต้น

Advertising Technology

Martech ประเภทนี้จะออกแบบมาเพื่อการทำแอดโฆษณา โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ การวัดผลลัพธ์ และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ดังนี้

  • การโฆษณาทางโซเชียลมีเดีย: เป็นเครื่องมือสำหรับทำโฆษณาผ่านช่องทางโซเชียล ทำให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
  • การโฆษณาทางช่องทางอื่นๆ : เช่น การโฆษณาผ่านเครื่องมือค้นหา อย่างการโฆษณาด้วย Google Ads และการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอต่างๆ เพื่อหากลุ่มลูกค้าจากเครื่องมือเหล่านี้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
  • การจัดการแคมเปญโฆษณา: การจัดการแคมเปญโฆษณา เช่น การส่งลีดข้ามระบบ การนำข้อมูลลูกค้าใน CRM มาใช้เป็นข้อมูลในสื่อโฆษณาอื่น ๆ เป็นต้น ยกตัวอย่าง Martech ประเภทนี้ เช่น Data Management Platform (DMP) ที่ผู้ให้บริการข้อมูลเปิดให้เราสามารถทำโฆษณาไปหาผู้ชมใหม่ ๆ ผ่านระบบ DMP ได้ เป็นต้น

Visitor Identification Software

เป็น Martech ที่เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการยืนยันตัวตนของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ (Website Visitor) เบื้องต้น เช่น การแปลง IP address ไปเป็นเมืองและประเทศ, การนำ IP Address นั้น ๆ ไป เพิ่มคุณภาพ เพื่อให้ข้อมูลระบุได้ว่าผู้ใช้ที่เข้ามาเว็บไซต์มาจากบริษัท หรือ สถาบันการศึกษาไหน ในเชิงลึกได้มากยิ่งขึ้น เป็นต้น

Affiliate Marketing 

เป็นกลุ่ม Martech ที่ใช้สำหรับจ่ายเงินให้กับบุคคลหรือบริษัทอื่นที่เข้ามาช่วยโปรโมตสินค้าและบริการ โดยธุรกิจจะจ่ายให้เป็น % ของราคาสินค้า โดยบุคคลหรือบริษัทอื่นจะต้องโปรโมตสินค้าให้ในช่องทางของตนเอง  ไม่ว่าจะเป็น บล็อก โซเชียลมีเดีย และใช้ลิงก์ที่ได้รับจากเครื่องมือ Affiliate Marketing ที่ทำขึ้นมาให้ไม่ซ้ำกันไปใช้งาน ทำให้เจ้าของสินค้าสามารถติดตามการซื้อ-ขายว่าเกิดจากลิงก์ของใครได้ และแบ่ง % ยอดขายให้ได้อย่างถูกต้อง ยกตัวอย่าง Martech ด้านนี้ เช่น TikTok Affiliate Marketing เป็นต้น

Content Marketing Tools

Content Marketing Tools เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการทำ Content Marketing สามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ ได้ดังนี้

  • Content Creation: เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับสร้างเนื้อหาคอนเทนต์อย่างรวดเร็ว 
  • User-Generated Content: เป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ได้ เช่น เขียนบทความ ให้คะแนนรีวิว การสร้างเว็บบอร์ด หรือกระทู้เพื่อพูดคุยกัน เป็นต้น
  • Form Builder: เป็นเครื่องมือสร้างแบบฟอร์มสำหรับแบบสอบถามและแบบสำรวจออนไลน์ เช่น Google Form เป็นต้น
  • Content Research Tool: เครื่องมือที่ใช้ในการค้นคว้าหา Idea หรือ Topic เพื่อใช้เขียนเนื้อหาใหม่ ๆ รวมถึงใช้หาเทรนด์และคู่แข่งในธุรกิจที่คล้ายคลึงกันได้ด้วย

SEO Tool

เป็น Martech ที่ใช้สำหรับการทำ Search Engine Optimization รวมไปถึงการโฆษณาบนการค้นหา (Google Ads) ซึ่งเครื่องมือกลุ่มนี้แบ่งออกได้เป็นหลายประเภทย่อย ๆ เช่น

  • การตรวจสอบสุขภาพของเว็บไซต์: เป็นกลุ่มเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบเว็บไซต์ในด้านต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบข้อผิดพลาดของลิงก์ภายใน (Internal Link), การตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ (Page Speed), การตรวจสอบเมตาแท็กต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น Google Page Speed เป็นต้น
  • การจัดทำดัชนีของ Google และการทำแผนผัง XML: เป็นกลุ่มเครื่องมือที่มีหน้าที่ตรวจสอบการจัดทำดัชนีใน Google และจัดการความสำคัญของแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap)
  • การวิเคราะห์ Keyword: เครื่องมือที่ช่วยทำ Keyword Research รวมถึงคำนวณผลลัพธ์การจัดอันดับ จำนวนคลิก จำนวนการแสดงผล ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น Ahrefs, Ubersuggest เป็นต้น
  • การทำ Backlink: เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจสอบ Backlink จากเว็บไซต์อื่นที่ลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ของคุณ ยกตัวอย่างเช่น Link Explorer จาก Moz เป็นต้น

Social Media Marketing

เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียสะดวกยิ่งขึ้น โดยในกลุ่มนี้ยังแบ่งเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีก เช่น

  • Social Media Channels Management: เป็นกลุ่มเครื่องมือที่ช่วยให้เราจัดการช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังช่วยกำหนดเนื้อหาคอนเทนต์ ปริมาณงานของทีมคอนเทนต์ ไปจนถึงการจัดการข้อมูลลูกค้าผ่านแช็ตได้ด้วย ฯลฯ
  • Influencer Marketing: เป็นกลุ่มเครื่องมือที่ช่วยจัดการอินฟลูเอนเซอร์ เช่น ช่วยค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสม ไปจนถึงช่วยวัดผลลัพธ์แคมเปญการตลาดที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์ในการโปรโมต เป็นต้น ยกตัวอย่าง Martech ในสายนี้ เช่น Influencer Directory
  • Social Media Monitoring & Listening: ยกตัวอย่างเช่น ZOCIAL EYE ที่เป็นกลุ่มเครื่องมือที่ใช้สำหรับการฟังเสียงของผู้บริโภค ทำให้เห็นความคิดเห็นทั้งด้านบวกและด้านลบที่เกิดขึ้น ซึ่งสามารถนำข้อมูลที่เห็นมาวางแผนกลยุทธ์, ทำ Crisis Managaement, สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) กับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ฯลฯ

CRM, CDP และ Marketing Automation

  • Customer Relationship Management หรือ CRM คือ เป็นเครื่องมือ Martech ที่ใช้ในการติดตามเส้นทางของลูกค้า (Customer Journey) ทำให้พนักงานสามารถดูข้อมูลจากทุกช่องทางได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี จึงเป็นเครื่องมือที่มีส่วนช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใหม่ โน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าในขั้นตอน Consideration ตาม Marketing Funnel ได้ แถมยังช่วยในการปิดดีลได้มากขึ้น
  • CDP หรือ Customer Data Platform คือ Marketing Technology (MarTech) ที่ช่วยรวมข้อมูลลูกค้าไว้ในที่เดียว ทำให้ธุรกิจได้โปรไฟล์ของลูกค้าคนหนึ่งมาจากข้อมูลหลากหลายแหล่ง ทำให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น และทำให้ธุรกิจนำเสนอสินค้าหรือบริการได้อย่างเหมาะสมที่สุด
  • Marketing Automation หรือเครื่องมือทำการตลาดแบบอัตโนมัติ เป็น Martech ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่หลากหลายช่องทางมาไว้ในที่เดียว เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนการตลาด วิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย สร้างแคมเปญพร้อมนำส่งแคมเปญการตลาดที่ทำไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ธุรกิจมีข้อมูลได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเครื่องมือที่เป็น Marketing Automation ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้นมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท เช่น Email Marketing, Social Media Marketing, Webinars, Lead Scoring, CRM ฯลฯ

เทรนด์การใช้ Martech ในปัจจุบันและอนาคต

เรียนรู้ประเภทของ Martech กันไปแล้ว มาดูเทรนด์การใช้งาน Martech ในปัจจุบันและในอนาคตกันบ้างว่าจะมีแนวโน้มการใช้งานเป็นอย่างไรบ้าง

เทรนด์การใช้งาน Martech ในปัจจุบัน

  • มีการใช้งาน AI หรือปัญญาประดิษฐ์ และ Machine Learning (ML) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ด้านการตลาด การทำโฆษณา การสร้างข้อมูลเชิงลึก ฯลฯ ด้วยระบบแบบอัตโนมัติที่ไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการสร้างแต่อย่างใด
  • การสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากธุรกิจจะพยายามมอบประสบการณ์ที่มีความส่วนตัว และเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมแบบเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้ามากขึ้น
  • ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลยังเป็นปัญหาสำหรับธุรกิจ เพราะต้องทำการรวบรวมและจัดการข้อมูลของลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งต้องหาเครื่องมือที่มีความพร้อมในการจัดเก็บ และต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
  • การมีโซเชียลมีเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นทำให้วิธีการทำการตลาดเปลี่ยนไป ธุรกิจจึงต้องเรียนรู้การใช้งานโซเชียลมีเดียเพื่อที่จะติดต่อและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้มากขึ้น
  • การเติบโตของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เติบโตจนทำให้ธุรกิจต้องเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์และแคมเปญต่างๆ ให้รองรับสำหรับอุปกรณ์พกพามากขึ้น

เทรนด์การใช้งาน Martech ในอนาคต

  • Internet of Things (IoT) จะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจจากการใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลและโต้ตอบกับลูกค้า
  • Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) จะเป็น Martech ที่ผู้คนให้ความสนใจและกลายเป็นกระแสหลัก เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมจริงให้กับลูกค้ามากขึ้น
  • Blockchain จะนิยมใช้มากขึ้น เพื่อจัดเก็บและติดตามข้อมูลให้มีความปลอดภัยและโปร่งใส
  • Voice Search จะเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในหลายๆ ด้าน ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และแคมเปญการตลาดสำหรับ Voice Search โดยเฉพาะ
  • Sustainability ไม่ใช่แค่เทรนด์อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นค่านิยมของทุกองค์กรในการสร้างโลกที่ดีขึ้น และทุกธุรกิจจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับเรื่องนี้มากขึ้นด้วย

วิธีการเลือกใช้ Martech อย่างเหมาะสมสำหรับธุรกิจ

ในเมื่อเทรนด์การใช้งาน Martech เติบโตขึ้นเช่นนี้ ธุรกิจอาจต้องปรับตัวและเรียนรู้วิธีการเลือกใช้ Martech อย่างเหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปตามกระแสของเทคโนโลยีได้อย่างเท่าทัน ดังนี้

  • ดูว่าธุรกิจมีเป้าหมายในการใช้ Martech ในด้านใดบ้าง 

เนื่องจาก Martech นั้นมีมากมายหลายประเภทและยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ รวมถึงบางเครื่องมือมีความสามารถที่ครบถ้วนอยู่แล้วจึงอาจไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องมือแยกหลายเจ้า ดังนั้น ธุรกิจจึงควรกำหนดเป้าหมายในการใช้งาน Martech เพื่อให้รู้ว่าเครื่องมือไหนเหมาะสมกับบริษัทตัวเอง เช่น ต้องการที่จะจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือ Martech ที่เลือกก็ควรจะเป็นประเภท CRM เป็นหลัก

  • สำรวจและประเมินว่าธุรกิจมี Martech อะไรอยู่บ้าง

สำรวจและประเมินว่าในปัจจุบันนี้ธุรกิจมีเครื่องมือ Martech อะไรที่ใช้งานอยู่บ้าง พร้อมพิจารณาว่าเครื่องมือเหล่านั้นเหมาะสมกับระบบการทำงานที่คุณต้องการจะสร้างหรือไม่ ดูว่าเครื่องมือแต่ละตัวสามารถแก้ปัญหาอะไรให้กับธุรกิจของคุณได้บ้าง นอกจากนี้ควรตรวจสอบถึงฟังก์ชัน, วิธีการใช้งาน, ความน่าเชื่อถือ, การบูรณาการเครื่องมือ, รูปแบบการใช้งานที่ต้องใช้แบบแยกส่วนตามแผนกหรือสามารถใช้ได้ทั้งองค์กร เพื่อที่จะได้วางแผนการจัดการระบบ Martech เดิมว่าควรยกเลิกการใช้งาน หรือควรที่จะเสริมเครื่องมือไหนเข้ามาบ้าง

  • กำหนดงบประมาณ

ทำการพิจารณางบประมาณสำหรับเครื่องมือ Martech ที่ต้องการจะลงทุนนำมาใช้ในองค์กร โดยพิจารณาทั้งค่าใช้จ่ายแรกและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระยะยาว เช่น ค่าใบอนุญาต ค่าดำเนินการ ค่าฝึกอบรมการใช้งาน ค่าเซอร์วิส ฯลฯ ซึ่งการกำหนดงบประมาณก่อนจะช่วยทำให้สามารถมองหาโซลูชันของ Martech ที่เข้ากับองค์กรของคุณได้ดีและรวดเร็วมากขึ้น

  • ประเมินความสามารถและฟังก์ชันของ Martech ที่ต้องการ

ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนของการพิจารณารายละเอียด คุณสมบัติ และฟังก์ชันของ Martech ที่คุณสนใจทีละส่วน โดยดูว่า Martech นั้นๆ ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมาก-น้อยแค่ไหน เช่น คุณมีความต้องการเครื่องมือที่สามารถทำ Marketing Automation ทางอีเมลพร้อมเชื่อมต่อเข้ากับ CRM ได้ด้วย ก็ต้องเลือกหาเครื่องมือที่มีฟีเจอร์และฟังก์ชันที่ครอบคลุมเรื่องเหล่านี้เอาไว้ด้วย

  • พิจารณาความยืดหยุ่นของเครื่องมือ Martech

โดยดูว่า Martech ที่กำลังจะเลือกใช้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตและความต้องการที่กำลังเปลี่ยนไปของคุณหรือไม่ รวมถึงดูด้วยว่าสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องมือและระบบอื่นที่คุณอาจใช้ในอนาคตได้หรือไม่ เช่น สามารถทำ API Integration ได้หรือไม่ เป็นต้น

  • ดูความน่าเชื่อถือและรูปแบบบริการ

เลือกใช้ Martech ที่มีความน่าเชื่อถือ มีผู้ใช้งานจริง ได้ทดลองใช้หรือมีการสาธิตวิธีการใช้งานให้ดู รวมถึงมีทีมดูแลลูกค้าโดยเฉพาะเพื่อการันตีว่าจะสามารถปรึกษาได้หากมีปัญหาระหว่างการใช้งาน 

  • วิเคราะห์ต้นทุนและประโยชน์

พิจารณาอัตราผลตอบแทนที่เป็นไปได้ (ROI) และค่าความคุ้มค่าในระยะยาวที่ Martech จะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้นว่าคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน

ยกตัวอย่าง Martech จาก Wisesight เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในด้านต่าง ๆ

สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้ Martech ในการบริหารหรือจัดการธุรกิจ ลองดูตัวอย่างการใช้ Martech เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในด้านต่าง ๆ กันดีกว่า ซึ่ง Martech ตัวอย่างนี้จะเป็นฟีเจอร์หลักของ Martech จาก Wisesight ยกตัวอย่างเช่น

ZOCIAL EYE : Martech สำหรับทำ Social Listening

การทำ Social Listening จะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลบนโลกโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter, YouTube, TikTok และอื่นๆ ด้วยเครื่องมือ Martech ที่สามารถใช้หาข้อมูลเชิงลึก (Insight) เฝ้าดูความเคลื่อนไหว วัดผลลัพธ์ของแคมเปญบนโซเชียลมีเดีย  ไปจนถึงใช้วิเคราะห์คู่แข่งได้ ยกตัวอย่างฟีเจอร์ที่มีใน ZOCIAL EYE เช่น 

  • Logo Detection

Logo Detection จะเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของ ZOCIAL EYE ใช้สำหรับตรวจจับโลโก้ (Logo) บนภาพที่ปรากฏอยู่บนโซเชียลมีเดีย ช่วยให้แบรนด์จึงสามารถเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตนเองได้อย่างครอบคลุมเพื่อการวิเคราะห์ผลที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น 

  • Customer Insight 

ZOCIAL EYE เป็น Martech ที่ใช้หาอินไซต์จากเสียงของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำได้ในทุกอุตสาหกรรมที่สนใจ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าผ่านเสียงบน Social Listening ทำให้ได้ข้อมูลมาปรับเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจให้เหมาะสม โดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเดาใจผู้บริโภค ลองดูตัวอย่าง Customer Insight ที่ทีม RESEARCH ของ WISESIGHT ใช้ ZOCIAL EYE ในการวิเคราะห์ข้อมูลจนมาออกเป็นรีพอร์ตเชิงลึกได้ที่ https://store.wisesight.com/all-products/

  • Competitor Analysis

สำหรับการใช้ Martech อย่าง ZOCIAL EYE ในการทำ Competitor Analysis สามารถใช้ฟีเจอร์ที่เรียกว่า Comparison View ที่ใช้เปรียบเทียบเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียตามที่ผู้ใช้งานต้องการได้ จึงสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์และเปรียบเทียบคู่แข่ง (Competitive Analysis) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นรูปแบบการแข่งขันกันระหว่างแบรนด์ มองเห็นความเคลื่อนไหวของแบรนด์คู่แข่งว่ามีการใช้อินฟลูเอนเซอร์คนไหนบ้าง หรือผู้บริโภคตอบรับอย่างไรบ้างด้วยรูปแบบของข้อมูลในมุมมองที่ต่างกันได้ภายในหน้าเดียว

  • Market Research

ZOCIAL EYE ช่วยในการสำรวจ เก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจเข้าใจที่มาของพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ เพื่อนำมาวางกลยุทธ์การตลาด หรือใช้หาข้อมูลในเชิงพฤติกรรมและภาพใหญ่ของผู้บริโภคว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร หรือมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง เพื่อที่จะได้วางแผนรับมือได้ในอนาคตด้วย

  • Sentiment Analysis

Sentiment Analysis จะเป็นข้อมูลของประเภท ‘เสียง’ ของผู้บริโภค เช่น เป็นเสียงเชิงบวกหรือเชิงลบ ฯลฯ ซึ่งใช้ดูได้ว่า ผู้บริโภครู้สึกอย่างไรกับแบรนด์หรือแคมเปญการตลาดที่ทำอยู่ หรือจะใช้ดูวิธีการทำการตลาดของคู่แข่งว่าได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนำมาวิเคราะห์กลยุทธ์การทำการตลาดของแบรนด์ต่อไปได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

WARROOM : Martech สำหรับทำ CRM

การทำ CRM (Customer Relationship Management) จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเครื่องมือ Martech ในการเก็บรวบรวมข้อมูล  จัดการข้อมูลลูกค้า รับเรื่องและตอบคำถามของลูกค้า และดึงข้อมูลที่มีประโยชน์มาใช้บริหารความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและลูกค้าจากหลากหลายช่องทางการติดต่อสื่อสารมาไว้ในที่เดียว และนี่คือฟีเจอร์หลักของ WARROOM ที่ช่วยทำให้เห็นว่า Martech จะช่วยดูแลลูกค้าของธุรกิจได้อย่างไร

  • สามารถใช้งานได้ในหน้าจอเดียว

ทีมงานที่ใช้ WARROOM ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิด SocialMedia จากหลาย platform เพราะสามารถทำงานพร้อมกันได้หลายระบบภายในหน้าจอเดียว ทำให้ดูแลลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและลดความผิดพลาดในการทำเคสหลุดได้อีกด้วย

  • เปิด-ปิด เคสอัตโนมัติ รับเคส และจัดการเคส

เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยดึงเคสรวมไว้ที่เดียวพร้อมกับจัดการมอบหมายเคสให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลตามความเหมาะสม พร้อมฟีเจอร์ปฏิเสธเคสในครั้งเดียวและปฏิเสธเคสแบบอัตโนมัติช่วยลดเวลาจัดการเคสได้มากยิ่งขึ้น

  • กำหนดคำค้นหา (Keyword) ที่ต้องการติดตามได้

สามารถตั้งค่าการติดตามได้ตามคำค้นหา (Keyword) ที่กำหนดไว้ เช่น ชื่อแบรนด์, ใส่คำที่บ่งบอกถึงการรีวิว เช่น รีวิว, แย่, ดี ฯลฯ เพื่อให้ทีมงานเห็นว่า กลุ่มผู้บริโภคพูดถึงสินค้าและบริการในคำที่กำหนดว่าอย่างไรบ้าง

  • จำกัดสิทธิ์การจัดการและการเข้าถึงในทีม Customer Support

WARROOM สามารถกำหนดบทบาทของตัวแทนต่าง ๆ ออกเป็นหลายระดับ และเลือกแยกได้ด้วยว่าจะจำกัดการเข้าถึงในรูปแบบใดบ้าง เช่น จำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล (Specific Subject Permission), จำกัดสิทธิ์ในการใช้งานบัญชี (Specific Account Permission), จำกัดสิทธิ์ในการจัดการเคส (Specific Action Permission)

  • ระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ (Real-Time)

WARROOM มีระบบการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ผ่านช่องทางไลน์ (Line) และอีเมล (Email) ช่วยทำให้ทีมงานสามารถตอบและแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องให้ลูกค้ารอนาน

  • บริหาร API จากแพลตฟอร์มทั้งภายในและภายนอก

WARROOM เป็น Martech ที่เชื่อมต่อกับระบบต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อ MINI APP หรือเว็บแอปพลิเคชัน เข้ามาใน WARROOM ได้อีกด้วย

แนะนำ Martech อื่นๆ จาก Wisesight สำหรับธุรกิจ

COMMAND CENTER

COMMAND CENTER เป็น Martech ในด้าน Data Visualization ที่ใช้จัดการและนำเสนอข้อมูลสำหรับองค์กร โดยแสดงผลข้อมูลบนโลกโซเชียลขึ้นจอ LED ขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ (Real-Time Social Monitoring Display) ทำให้องค์กรเห็นข้อมูลอุตสาหกรรมในภาพรวม และเห็นภาพรวมของข้อมูลแคมเปญที่จัดทำขึ้นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังใช้งานร่วมกับเครื่องมือและบริการจาก Wisesight เช่น ZOCIAL EYE, DATA CONSULTING, RESEARCH ได้

INFLUENCER DIRECTORY

INFLUENCER DIRECTORY เป็น Martech ที่ใช้สำหรับการทำ Influencer Marketing มีประโยชน์ในด้านการช่วยหา Influencer รีวิวสินค้า โปรโมตแบรนด์ หรือหาผู้มีอิทธิพลจากสื่อโซเชียลมีเดียแยกเฉพาะช่องทางได้ เพื่อให้แบรนด์เจอ Influencer ที่โดดเด่นจากช่องทางนั้น ๆ และนำมาใช้งานเพื่อสร้างผลลัพธ์ได้จริง

นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาข้อมูลเชิงลึกของ Influencer แบบละเอียดจากการกรองข้อมูลต่าง ๆ เช่น ยอด Engagement/Post, Follower, Influencer Score เป็นต้น พร้อมกับค้นหา Influencer ตามหมวดหมู่ (Cluster) ของอินฟลูเอนเซอร์ที่ Wisesight แบ่งออกเป็น 38 หมวดหมู่ได้ด้วย

Wisesight Omnichannel Solutions (OCS)

Wisesight Omnichannel Solutions (OCS) คือ โซลูชันที่รวมทุก Martech สำคัญที่ช่วยสร้างระบบ Omnichannel ให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ ออกแบบมาโดยคนไทยที่เข้าใจคนไทยได้ดีที่สุด พร้อมช่วยให้ทุกธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานช่องทางดิจิทัลแบบไทยสไตล์ในทุกแง่มุม (Insightful Overview) เริ่มตั้งแต่พฤติกรรมการหาข้อมูลไปจนถึงขั้นเกิดความภักดีกับสินค้า (Brand Loyalty) เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ และยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าให้มีมากขึ้นได้นั่นเอง

Martech เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยมีประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการตลาด, ช่วยปรับปรุงการติดตามผลการตลาด, เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจ และลดความเสี่ยง โดยมีเครื่องมือ Martech มีหลากหลาย ได้แก่ Logo Detection, Consumer / Customer Insight, Sentiment Analysis, Competitor Analysis, Market Research, Social Media Analytics ฯลฯ ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและพัฒนากลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ