จบลงไปแล้วกับการแข่งขัน South-East Asian Games หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ ซีเกมส์ (SEA GAMES) ซึ่งเป็นการแข่งขันมหกรรมกีฬาระหว่างกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกจัดขึ้นแบบปีเว้นปี ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 11 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยการจัดขึ้นในปีนี้ เป็นครั้งที่ 32 มีเจ้าภาพคือประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นปีแรกของการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันซีเกมส์ในครั้งนี้

กราฟแสดงข้อความรายวันที่กล่าวถึงซีเกมส์ 2023 บนโซเชียลมีเดียในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2023
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลบนโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวกับซีเกมส์ผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ตั้งแต่กุมภาพันธ์จนถึงพฤษภาคม 2023 ในช่วงการจัดการแข่งขัน พบว่ามีการพูดถึงซีเกมส์มากกว่า 145,000 ข้อความ และได้รับการมีส่วนร่วมมากกว่า 40 ล้านเอ็นเกจเมนต์
จำนวนการมีส่วนร่วมที่สูง สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในซีเกมส์ครั้งนี้ไม่น้อย ทั้งที่มาจากผู้คนบนโซเชียล จากแบรนด์ที่เข้ามามีส่วนร่วมผ่านคอนเทนต์โปรโมต รวมถึงการเป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขันซีเกมส์ในปีนี้

เมื่อลองดูความเคลื่อนไหวของแบรนด์กับการแข่งขันซีเกมส์ผ่านเทคโนโลยี Logo Detection บนเครื่องมือ ZOCIAL EYE จากทางไวซ์ไซท์ที่ใช้เทคโนโลยี AI ทรงพลังชื่อว่า KIRIN ตรวจจับโลโก้ของแบรนด์ในรูปภาพ พบว่า ในช่วงเวลาที่มีการโปรโมตก่อนจัดการแข่งขันจนถึงช่วงเวลาจัดการแข่งขัน มีการโพสต์คอนเทนต์ที่มีรูปภาพกว่า 1,531 โพสต์ โดยตรวจจับโลโก้แบรนด์ที่มีการพูดถึงซีเกมส์ได้ 89 แบรนด์ สามารถสร้างอิมแพคในการมีส่วนร่วมได้มากกว่า 1.6 ล้านเอ็นเกจเมนต์

โดยแบรนด์ที่ตรวจจับโลโก้ได้มากที่สุดคือแบรนด์ MCOT ตรวจจับได้ 217 โพสต์ ส่วนใหญ่มาจากโพสต์โปรแกรมการแข่งขันที่มีการฉายในช่อง รองลงมาเป็น PTT 92 โพสต์ จากโพสต์สรุปเหรียญรางวัล และ Air Asia 85 โพสต์ ซึ่งมาจากโพสต์การโปรโมตกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลของไทย รวมถึงโพสต์การสรุปเหรียญรางวัล
อีกทั้งยังได้รับกระแสการพูดถึงจากเหล่าบรรดาแฟนๆ กีฬา และบรรดาคนที่สนใจในซีเกมส์ครั้งนี้เป็นอย่างมาก เมื่อดูสัดส่วนการพูดถึงจะเห็นได้ว่าเหล่าแฟนกีฬาพูดถึงเรื่องดังกล่าวบน Facebook มากที่สุด ซึ่งมากกว่า 1 แสนข้อความ และรองลงมาเป็น Twitter และ YouTube

เมื่อวิเคราะห์ประเด็นที่พูดถึงบน Facebook พบประเด็นที่น่าสนใจอยู่ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
- ไม่ส่งนักกีฬาไทยไปซีเกมส์
เกิดกระแส #ไม่ส่งนักกีฬาไทยไปซีเกมส์เขมร ตั้งแต่ช่วงก่อนการจัดงานไปจนถึงช่วงที่มีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เนื่องจากมีดราม่าเกิดขึ้นในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการปรับกติกาการแข่งขัน เพื่อเพิ่มโอกาสการคว้าเหรียญทองให้กับเจ้าภาพเอง การเปลี่ยนชื่อจาก ‘มวย’ เป็น ‘กุน ขแมร์’ ความไม่พร้อม และความไม่ปลอดภัยของที่พักนักกีฬา การโอนสัญชาติของนักกีฬาต่างชาติมาแข่งให้กับประเทศเจ้าภาพ อีกทั้งยังมี ดราม่าเรื่องของก๊อบปี้มาสคอตของศิลปินประเทศอื่นมาทำ การตัดการแข่งขันเพาะกายออก รวมถึงการสั่งห้าม 5 ประเทศลงแข่งขันกีฬาแบตมินตัน ทำให้เกิดความไม่พอใจและวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาแฟนกีฬาบนโซเชียลเป็นจำนวนมาก
- ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
แน่นอนการจัดการแข่งขันซีเกมส์ไม่ได้เกิดขึ้นทุกปี การจัดขึ้นในปีนี้เลยทำให้แฟนๆ กีฬาต่างตั้งตารอชมการแข่งขันกันอย่างใจจดใจจ่อ แต่เมื่อมีประเด็นที่ประเทศเจ้าภาพอย่างกัมพูชา เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด 800,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่แพงเป็นประวัติกาลตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันซีเกมส์ ส่งผลให้เหล่าบรรดาแฟนกีฬา และแฟนซีเกมส์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ไม่ดู ไม่อยากดู’ หรือพูดกันว่าเก็บเงินไว้ทำประโยชน์อย่างอื่น อย่างเช่นการพัฒนานักกีฬายังดีซะกว่า
- การเป็นเจ้าภาพของกัมพูชา
จากประเด็นดราม่าต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า การเป็นเจ้าภาพของกัมพูชาทำไมต้องการเป็นอันดับหนึ่งมากขนาดนั้น มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการเป็นเจ้าภาพ หรือการเป็นเจ้าภาพของกัมพูชาครั้งนี้ มีเสียงจากคนบนโซเชียลกล่าวว่า ‘เป็นเจ้าภาพที่ห่วยแตก ที่สุดตั้งแต่มีการจัดซีเกมส์’ ส่งผลให้มีการพูดถึงประเทศไทยที่ในอีกสองปีข้างหน้าจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ 2025 ว่าทำได้ดีกว่านี้แน่นอน