“ทำอะไรก็ต้องให้เป็นกระแสไวรัล (Viral) เอาไว้ก่อน” 

ในยุคหนึ่งของคนทำการตลาดหรือทำคอนเทนต์จะต้องเคยได้ยินประโยคทำนองนี้มาก่อนอย่างแน่นอน เพราะไวรัลมาร์เก็ตติ้ง (Viral Marketing) นับเป็นเทคนิคการทำการตลาดรูปแบบหนึ่งที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับแบรนด์ได้มาก เนื่องจากสามารถแพร่กระจายสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อออกไปได้อย่างรวดเร็ว ลงทุนน้อย และเกิดการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้เป็นอย่างดี 

แต่ถึงแม้จะเป็นการทำการตลาดยอดนิยม การสร้างกระแสไวรัลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเหมือนดาบสองคมเช่นกัน ดังนั้น ในบทความนี้ Wisesight จะพาไปทำความรู้จักกับการทำการตลาดแบบไวรัลให้มากขึ้น ถึงนิยามของคำว่า การตลาดแบบไวรัล คืออะไร วิธีการทำ พาไปดู Viral Marketing ตัวอย่างเจ๋งๆ ไปจนถึงแนะนำเครื่องมือช่วยทำคอนเทนต์ไวรัล เพื่อให้คนทำงานสายดิจิทัลได้นำไปประยุกต์ใช้กันได้มากยิ่งขึ้น

การตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) คืออะไร

Viral Marketing หรือ การตลาดแบบไวรัล คือ การทำการตลาดในลักษณะบอกต่อของผู้บริโภคด้วยการกระจายข้อมูลถึงคนหมู่มาก ซึ่งจะส่งต่อข้อมูลที่ได้รับมากันอย่างรวดเร็วเหมือนกับการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสภายใต้เครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, TikTok, Instragram, Twitter เป็นต้น และการตลาดรูปแบบนี้ยังมีอิทธิพลต่อการส่งเสริมทัศนคติและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพราะมีคนพูดถึงสินค้าและบริการนั้นๆ เป็นจำนวนมากในระยะเวลาที่เกิดเป็นกระแส จึงทำให้แบรนด์ที่ถูกกล่าวถึงเกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ซึ่งการทำการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) จะเป็นกลยุทธ์ที่คิดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ข้อความจากแบรนด์ถูกส่งต่อและพบเห็นได้ในวงกว้างมากขึ้น ทำให้เกิดการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และการมีส่วนร่วม (Engagement) สูง แต่ก็ต้องแลกมากับความยากในการควบคุมและคาดคะเนผลลัพธ์ที่เกิดจากการส่งสารที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

ความแตกต่างระหว่าง Word of Mouth Marketing และ Viral Marketing

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าการตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth Marketing) มาก่อน และอาจจะสงสัยว่าคำนี้มีความแตกต่างกับการทำการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) อย่างไรบ้าง หรือจริงๆ แล้วทั้ง 2 คำนี้มีความหมายเหมือนกัน?

การตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth Marketing)

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับคำว่า การตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth Marketing) ว่าคืออะไร 

การตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth Marketing) คือ การแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โปรโมชั่น โดยผู้บริโภคจะทำการบอกต่อข้อมูลนี้ให้กับเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือคนรู้จักในวงแคบๆ ห้าถึงสิบคน โดยเสียงในช่วงที่ทำการบอกต่อนั้นอาจจะดัง แต่หลังจากนั้นก็จะเลือนหายไป ซึ่งการทำการตลาดประเภทนี้จะเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็ก เพราะเมื่อมีงบประมาณการตลาดเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย การบอกต่อปากต่อปากของลูกค้ากับคนใกล้ชิดจะช่วยเพิ่มฐานผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี

ยกตัวอย่างการตลาดแบบปากต่อปาก เช่น นาย A ทำการซื้อของใช้จากแอปพลิเคชันชื่อดังแล้วรู้สึกว่าใช้ดีมากๆ จึงเกิดความประทับใจนำไปบอกต่อในกลุ่มเพื่อน และโซเชียลมีเดียของตัวเองทำให้คนที่ติดตามอยู่หรือเพื่อนของเขาเกิดความสนใจและอยากที่จะลองซื้อมาใช้บ้าง เป็นต้น

การตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing)

ส่วนการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) หมายถึง การทำการตลาดที่มีส่วนของการบอกแบบปากต่อปากในข้อมูลหรือสารที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ สินค้าต่างๆ ร่วมกับตัวเลขที่ชี้ชัดถึงการเติบโตโดยใช้โลกโซเชียลมีเดียในการขับเคลื่อนสารไปหาผู้บริโภค หากสารนั้นถูกจริตหรือเป็นที่สนใจจนผู้บริโภคต้องการมีส่วนร่วม ทั้งการบอกต่อ แชร์ แบ่งปัน หรือทำการลอกเลียนแบบและทำซ้ำจนกลายเป็นเทรนด์ที่คนพูดถึงเป็นจำนวนมาก (ทั้งในด้านดีหรือไม่ดีก็ได้) ก็จะกลายเป็นเรื่องไวรัลขึ้นมาทันที

ยกตัวอย่างการตลาดแบบไวรัล เช่น ช่วงหนึ่งในปี 2014 เกิดแคมเปญ The Ice Bucket Challenge เป็นการท้าด้วยการใช้ถังน้ำแข็งราดตัวเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้วทำการถ่ายคลิปโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต โดยติดแฮชแท็ก #IceBucketChallenge และทำการท้าคนต่อๆ ไป แต่หากใครที่ไม่ทำตาม ต้องบริจาคเงิน 100 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,000 บาท) เข้าสมาคม ALS แคมเปญนี้กลายเป็นกระแสกระหึ่มไปทั่วโลกจนกลายเป็น “ไวรัล” ที่สร้าง Talk of the town ขึ้นจากการที่คนดังทั้งหลายทั้งมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก, บิล เกตส์, ทิโมธี โดนัลด์ คุกก็เข้าร่วมแคมเปญนี้ด้วย

สรุปแล้วการตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth Marketing) จะเน้นบอกต่อข้อมูลกันในเฉพาะวงแคบๆ ของคนที่ผู้บริโภครู้จัก แต่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสูง เพราะเป็นการบอกต่อข้อมูลของสินค้าหรือบริการเฉพาะวงคนใกล้ชิดจะทำให้รู้สึกอยากใช้หรือซื้อตามได้ง่าย ส่วนการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing)  จะเป็นการทำการตลาดที่ทำให้เกิดการส่งต่อถึงคนจำนวนมาก เป็นกระแสทำให้คนอยากมีส่วนร่วม ซึ่งสร้างการรับรู้ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

ทำไมคนถึงชอบการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing)

สำหรับสาเหตุที่ทำให้คนชื่นชอบการตลาดแบบไวรัลนั้นมีอยู่ด้วยกันหลักๆ 3 ประการ ได้แก่

เนื้อหาโดนใจผู้บริโภค (Compelling Content)

เป็นเนื้อหาประเภทข้อความ วิดีโอ หรือภาพที่มีความน่าสนใจ มีความน่าประทับใจ อาจจะได้รับประโยชน์ หรืออาจจะมีการหักมุมบางอย่างจนต้องทำการส่งต่อหรือแชร์ออกไป เพราะคิดว่าคนอื่นๆ ก็น่าจะมีความสนใจหรือรู้สึกชอบเหมือนกัน ซึ่งในด้านการทำการตลาดเนื้อหาที่สามารถเป็นไวรัลได้นั้นจะต้องเข้ากับลักษณะเฉพาะของตราสินค้า (Brand Character) มีสารที่สร้างให้เกิดความรู้เกี่ยวกับตราสินค้า (Product Knowledge) มีความคิดของเนื้อหาที่สร้างสรรค์ (Creative Work) ก็จะช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้าใจและสนใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น

ยกตัวอย่างเนื้อหาที่เป็นไวรัลที่เกี่ยวกับแบรนด์ เช่น กระแสไวรัลจากการที่ผู้ใช้ Twitter รายหนึ่งบ่นถึงลูกค้าคิวก่อนหน้า ณ ร้านขายน้ำปั่น ว่าเลือกเอาปีโป้สีอื่นไปจนหมด เหลือทิ้งไว้เพียง “ปีโป้สีม่วง” จำนวน 3 อันเท่านั้น อีกทั้งทวีตถามต่ออีกว่า “มีใครกินปีโป้สีม่วงด้วยเหรอ” ผลลัพธ์คือ ทุกคนติด #saveปีโป้ม่วง เพื่อปกป้องปีโป้สีม่วงจนขึ้นเทรนด์บนทวิตเตอร์อันดับ 1 ในประเทศไทย

ที่มาภาพ: https://www.marketingoops.com/

แน่นอนว่ามีกระแสไวรัลแบบนี้ทางแบรนด์เองก็ต้องตามกระแสด้วยการทำ Real-Time Marketing โดยใช้ทั้งโพสต์และภาพเชื่อมโยง #saveปีโป้ม่วง และปีโป้สีอื่นๆ ซึ่งทำให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมกับโพสต์เหล่านั้นมากกว่าปกติ

ใช้งานง่าย (User Friendly)

เพราะกระแสไวรัลที่คนมักทำการแชร์กันมักไม่มีข้อจำกัดด้วยรูปแบบมาตรฐานของสื่อแบบทั่วไป เช่น หากเป็นวิดีโอก็ไม่ได้มีข้อจำกัดในด้านของความยาวหรือรูปแบบของการนำเสนอ, บางครั้งก็มาในรูปแบบของเรื่องขำขัน บางครั้งเป็นเรื่องจริงจัง หรือบางครั้งก็เป็นเรื่องหักมุม เป็นต้น และยิ่งในปัจจุบันที่มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่น TikTok ที่สามารถทำคอนเทนต์ได้ง่าย การที่จะเกิดกระแสไวรัลในเรื่องต่างๆ ก็ยิ่งทำได้ง่ายมากขึ้นด้วย

ส่งต่อได้ง่าย (Prompt the Viral Pass-on)

เนื่องด้วยแพลตฟอร์มต่างๆ ออกแบบประสบการณ์ด้านการใช้งาน (User Experience) ให้ง่ายต่อการกดปุ่มเพื่อส่งต่อหรือแชร์ให้คนรับรู้ได้ง่าย ทำให้กระแสไวรัลจากคอนเทนต์และเนื้อหาต่างๆ ที่มีอยู่บนโลกออนไลน์สามารถแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็วทั้งในการส่งผ่านแพลตฟอร์มนั้นๆ หรือจะทำการส่งข้ามแพลตฟอร์มไปมาก็ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

วิธีทำการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing)

หากพูดถึงแคมเปญการตลาดแบบไวรัลจะสามารถสังเกตเห็นถึงคุณลักษณะทั่วไปบางอย่างที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากและกลายเป็นกระแสไวรัลได้ โดยจะมีจุดร่วมด้วยกัน 6 ประการ ดังนี้

1.ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ 

แคมเปญการตลาดไวรัลที่ประสบความสำเร็จจะต้องทำเนื้อหาออกมาให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น สอดคล้องกับความรู้สึก ความสนใจ พฤติกรรม ฯลฯ จึงทำให้เกิดการแชร์ต่อ โดยในช่วงแรกก่อนการทำแคมเปญควรที่จะกำหนดก่อนว่าใครคือกลุ่มเป้าหมาย โดยอาจจะใช้คำถามต่างๆ เข้าช่วย เช่น 

  • เนื้อหาคอนเทนต์แบบไหนที่ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย 
  • คุณค่าที่กลุ่มเป้าหมายยึดถือคืออะไร
  • ทำไมกลุ่มเป้าหมายถึงต้องสนใจแคมเปญนี้
  • จะทำอย่างไรเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายอยากแบ่งปันเนื้อหานี้ให้กับเครือข่ายสังคมของพวกเขา

2.ใช้ประโยชน์จากภาพลักษณ์ที่แข็งแรง

แคมเปญการตลาดแบบไวรัลต้องใช้เทคนิคการเรียนรู้ผ่านการเห็น (Visual Strategies) อย่างการทำให้ผู้คนเข้าใจแบรนด์ผ่านการใช้วิดีโอ รูปภาพ หรือสัญลักษณ์ต่างๆ โดยแคมเปญควรที่จะทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้กับผู้ชม แต่ก็ต้องมีองค์ประกอบของเนื้อหาที่น่าสนใจที่พอจะทำให้เป็นกระแสไวรัลได้ เช่น  การให้อารมณ์ขัน การให้ความหวัง ฯลฯ พร้อมกับให้ข้อมูลไปด้วย

https://youtu.be/KHVhqYgdkss

ยกตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จากภาพลักษณ์ของแบรนด์และสินค้าเข้ามาช่วยในการสร้างเนื้อหาแบบไวรัลที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ GQ อย่างแคมเปญไวรัลสินค้าที่เป็นกางเกงในชายที่สื่อข้อมูลของสินค้าซึ่งเป็นจุดแข็งทั้งบนโลโก้และการเล่าเรื่องบนสื่อต่างๆ ในทุกช่องทางด้วยอารมณ์ขันและใช้ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายออกมาตีแผ่ได้อย่างน่าสนใจ

3.มีความคิดสร้างสรรค์สูง

แคมเปญการตลาดแบบไวรัลจะกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงได้ก็ต่อเมื่อสามารถนำเสนอออกมาได้ในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร มีความน่าสนใจ มีความสร้างสรรค์อยู่เบื้องหลังมากกว่าการให้ข้อมูลแบบธรรมดา ยกตัวอย่างโฆษณาที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงจนกลายเป็นไวรัลของไทย เช่น 

โฆษณาจากแคมเปญกิจกรรมเยอะของทางเมืองไทยประกันชีวิตที่ฉีกจากการทำคลิปโฆษณาที่มักเน้นการให้อารมณ์ซึ้ง เศร้า พูดถึงการสูญเสียมาเป็นการพูดถึงแคมเปญที่ส่งเสริมในด้านการท่องเที่ยวจนออกมาเป็นโฆษณาสนุกๆ ที่มีคำพูดน่าจดจำสำหรับคนที่พบเห็นได้อย่างง่ายดาย

4.กระตุ้นอารมณ์

การทำการตลาดแบบไวรัลที่ประสบความสำเร็จจะต้องกระตุ้นอารมณ์ของผู้พบเห็นได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อให้ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมจนเกิดการแชร์ขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นกระแสในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แน่นอนว่าจะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และการมีส่วนร่วม (Engagement) ได้เป็นอย่างดี เช่น แคมเปญ Bar B Q PLAZA X Limited Education ที่เปลี่ยนป้ายหน้าร้านใหม่ในรูปแบบของการเขียนเป็นคำไทยที่สะกดผิด เพื่อพูดถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา กับปัญหาเด็กไทยที่อยู่ในระบบการศึกษาที่คุณภาพต่ำปีละกว่าสามแสนคน ทำให้ผู้พบเห็นรับรู้ปัญหาจากคอนเซปต์ของแคมเปญ พร้อมให้การสนับสนุนแคมเปญนี้เพิ่มมากขึ้น

ที่มาภาพ : https://brandinside.asia/

5.ทำให้เนื้อหาของคอนเทนต์ง่ายต่อการส่งต่อ

การโปรโมตแคมเปญการตลาดให้เป็นที่รู้จักในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องลงทุนมากมายเพื่อให้คนพบเห็นเหมือนในอดีต เพราะการเข้าถึงของสื่อโซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการส่งต่อคอนเทนต์ออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นที่จะต้องแบ่งงบประมาณไปลงในสื่ออื่นๆ มากมาย เช่น การกดแชร์ลิงก์คอนเทนต์ การดาวน์โหลดแล้วส่งต่อ การเปลี่ยนวิดีโอไวรัลเป็น GIF หรือมีมที่ง่ายต่อการส่งต่อเพิ่มเติม เป็นต้น 

6.เผยแพร่เนื้อหาถูกที่ถูกเวลา

การเผยแพร่เนื้อหาของคอนเทนต์จะต้องคำนึงถึงวันเวลาที่จะต้องทำการเผยแพร่ด้วย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นจำนวนมาก หรือเป็นช่วงที่คนกำลังให้ความสนใจในเรื่องๆ นั้นอยู่ เช่น การปล่อยแคมเปญในช่วงเทศกาลด้วยเนื้อหาที่สอดคล้องกับเทศกาลนั้นๆ ก็จะช่วยผลักดันให้แคมเปญเกิดกระแสไวรัลได้รวดเร็วมากขึ้น

เทคนิคทำการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) บน TikTok

นอกจากแคมเปญไวรัลจากการทำการตลาดของแบรนด์ด้วยวิดีโอเพื่อลง YouTube หรือ Facebook ในปัจจุบันยังมีช่องทางการสร้างเนื้อหาแบบไวรัลได้อย่างรวดเร็วนั่นคือ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้ แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ TikTok สร้างเนื้อหาไวรัลได้ง่าย มีเทคนิคอะไรบ้างที่สามารถทำใน TikTok ได้บ้าง ลองไปดูคำตอบพร้อมๆ กันเลย

1.เป็นแพลตฟอร์มของการสร้างอารมณ์ร่วม

ที่มาภาพ: https://www.semrush.com/

เนื่องจากวิดีโอจาก TikTok ที่เป็นไวรัลมักจะเป็นการพูดคุยระหว่างครีเอเตอร์กับผู้ชมโดยตรง ทำให้สานสัมพันธ์ระหว่างตัวครีเอเตอร์ผู้สร้างคอนเทนต์กับผู้ชมได้ง่ายและรวดเร็ว โดยการแสดงของอารมณ์จากครีเอเตอร์ทั้งอารมณ์สุข อารมณ์ขัน หรือความประหลาดใจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้วิดีโอของ TikTok กลายเป็นไวรัลได้เพราะรู้สึกจับต้องได้ มีอารมณ์ร่วม และรู้สึกถึงความมีตัวตนของผู้ผลิตคอนเทนต์มากกว่าปกติ ทำให้เกิดการบันทึกคลิปไว้เพื่อดูซ้ำหรือส่งต่อจนกลายเป็นไวรัลได้นั่นเอง

2.เป็นแพลตฟอร์มสำหรับทุกคน

ไม่ว่าจะเป็นบัญชีที่ไม่ได้ลงทะเบียนหรือรับการยืนยันตัวตน ดารา ศิลปินก็สามารถสร้างคอนเทนต์ที่กลายเป็นไวรัลได้ แต่คนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากนั้นจะต้องผลิตเนื้อหาที่เป็นกระแสไวรัลในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะเพิ่มการมีส่วนร่วมในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้

3.มีแนวทางการทำคอนเทนต์ที่สร้างการมีส่วนร่วมได้หลายแบบ

ที่มาภาพ: https://www.semrush.com/

แนวคอนเทนต์บน TikTok มีรูปแบบของการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่ดีแตกต่างกันออกไปในแต่ละ Metrics เช่น 

  • คลิปเต้นบน TikTok จะได้อัตราการรับชมหรือ Plays เยอะที่สุดกว่าคลิปแนวอื่นๆ
  • คลิปที่เน้นกิจกรรมนอกบ้าน วิวสวยๆ จะได้ยอดแชร์คลิปเยอะ
  • คลิปที่มีหมา แมว หรือสัตว์เลี้ยงจะได้ยอดคอมเมนต์เยอะ

4.เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนเข้าถึงคอนเทนต์ได้จากเทรนด์

ถึงแม้ว่ารูปแบบของคอนเทนต์จะทำได้เพียงแค่วิดีโอสั้น แต่ TikTok มีฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้คนสนุกไปกับการดูคอนเทนต์ด้วยวิธีการใช้เทรนด์ได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น การติด #แฮชแท็กชาเลนจ์ ซึ่งทำให้กลายเป็นเทรนด์ของการสร้างคอนเทนต์ในหัวข้อเดียวกัน แต่ก็ประชันกันในด้านความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำให้เนื้อหามีความแตกต่างกัน, การปั้นกระแสของเทรนด์เพลงที่ใช้ใน TikTok จนทำให้เพลงนั้นกลายเป็นเพลงฮิตได้ในเวลาต่อมา ฯลฯ ดังนั้น หากอยากกลายเป็นวิดีโอไวรัลบน TikTok จะต้องเข้าใจวิธีการใช้ฟีเจอร์ที่ช่วยสนับสนุนให้คลิปนั้นๆ ติดโผอยู่ในกระแสที่คนกำลังให้ความสนใจได้ด้วย

ตัวอย่างการทำการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) แบบเจ๋งๆ

แคมเปญอาหารสัตว์ Natural’s Table

อาหารสัตว์ Natural’s Table ที่เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง แต่เป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาด ดังนั้นโจทย์คือจะทำอย่างไรให้แบรนด์เป็นที่สนใจ จึงใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบเจ๋งๆ ที่แตกต่างจากบรรดาเจ้าตลาดเดิมเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาให้ได้ 

โดย Natural’s Table ได้จับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นทั้งกลุ่มคนที่รักและใส่ใจสุขภาพ รวมถึงปัญหาของลูกค้าที่มักไม่ทราบว่า ​​การที่ตัวเองใจดีแบ่งอาหารที่ตัวเองกินให้สัตว์เลี้ยงเป็นการทำร้ายสัตว์เลี้ยงในระยะยาวเพราะอาหารของมนุษย์เรานั้นเต็มไปด้วยโซเดียม ไขมัน และเครื่องเทศ 

จนเกิดเป็นแคมเปญการตลาดที่ชื่อว่า The Plate&Bowl café โดยจัดขึ้นที่ตลาดนัดออร์แกนิกที่กรุงมอสโกว เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์ออร์แกนิกสำหรับสัตว์คุณภาพสูง ส่วนรายละเอียดของแคมเปญก็ชวนให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยด้วยการนำเอาวัตถุดิบชั้นดีที่เคยเป็นอาหารคนนำมาทำให้เป็นอาหารสัตว์ และก็ถูกเอามาปรับให้กลายเป็นอาหารคนอีกครั้ง และให้ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้กินอาหารเหล่านี้พร้อมๆ กัน

แน่นอนว่า เรื่องนี้กลายเป็นกระแสไวรัลให้กับแบรนด์ทันที เพราะหลังจากคาเฟ่สัตว์เลี้ยงที่เป็นมิตรต่อคนนี้เปิดตัว ก็มีคนและสัตว์ตั้งใจมาลองชิมกว่า 18,000 ครั้ง รวมถึงสามารถทำให้สื่อทั่วประเทศกว่า 80 สื่อพูดถึงแคมเปญนี้ได้ อีกทั้ง ยังทำให้คนพูดถึงแบรนด์มากขึ้นบนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นได้อีก 400% เลยทีเดียว

แคมเปญจาก สายการบิน Emirates

เป็นแคมเปญโฆษณาแบบไวรัลที่ถูกพูดถึงอย่างมากเลยก็ว่าได้กับโฆษณา Burj Khalifa ของสายการบินเอมิเรตส์ ด้วยการพาสาวสวยในชุดลูกเรือ ขึ้นไปยืนถือป้ายบนตึกระฟ้าที่จัดว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดในโลกบนหอคอยดูไบ ณ มหานครดูไบ โดยแคมเปญนี้กระตุ้นความสนใจผู้ชมด้วยการไม่ใช้ CG แต่ให้นักแสดงสาวขึ้นไปยืนอยู่บนตึกสูงระฟ้าแบบจริงๆ ด้วยการปล่อยเบื้องหลังการถ่ายทำตามมา

นอกจากการกระตุ้นความตื่นเต้นของผู้ชมแล้ว โฆษณานี้ยังแฝงด้วยกระแสของสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มดีขึ้นจนทำให้ยกเลิกการกักตัวในการเดินทางระหว่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว โฆษณานี้จึงเป็นเหมือนการเฉลิมฉลองเรื่องโรคระบาดที่ดีขึ้นของดูไบและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวจากผู้คนทั่วโลกได้อีกครั้งจากการเป็นกระแสไวรัลที่ไม่ว่าใครก็ต้องทำการแชร์ต่อด้วยความแตกต่างของการนำเสนอคอนเทนต์นั่นเอง

เครื่องมือช่วยติดตามกระแสไวรัล

กระแสไวรัลเป็นอะไรที่มาไวไปไว การที่จะติดตามเทรนด์ให้ทันจึงเป็นเรื่องยาก แต่โชคดีที่ในยุคนี้มีเครื่องมือที่ช่วยในการทำการตลาดแบบไวรัลได้อย่างสะดวกสบาย มาดูกันว่าจะมีเครื่องมืออะไรที่ช่วยคุณได้บ้าง

Viral Loops

Viral Loops คือ เครื่องมือสำหรับวางรูปแบบการเก็บข้อมูลลูกค้าและการแจกของรางวัลเพื่อให้เกิดกระแสไวรัลในผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ที่คุณกำลังทำอยู่ โดยมีเทมเพลตให้เลือกใช้งานได้หลากหลายเพื่อการทำ Referral Campaign ซึ่งลูกค้าแต่ละรายจะได้รับลิงก์การแชร์ที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อแนะนำเพื่อนหรือเชิญเพื่อนของพวกเขาให้ซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ โดยที่แบรนด์สามารถควบคุมรางวัลและจำนวนผู้คนที่เข้าร่วม Referral Campaign ที่ต้องการได้อย่างสมบูรณ์

Buzzsumo

Buzzsumo เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการทำการตลาดแบบไวรัลแบบชาญฉลาด อย่างฟีเจอร์ Content Analyzer ที่ผู้ใช้สามารถระบุคำค้นหาไป จากนั้นเครื่องมือนี้ก็จะค้นหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับคำนี้มาให้ทั้งหมด พร้อมทั้งบอกว่าคอนเทนต์แต่ละตัวมีอัตราการมีส่วนร่วม (Engagement) ในแต่ละโซเชียลมีเดียอย่างไรบ้าง และสามารถจัดเรียงคอนเทนต์เหล่านั้น ตามลำดับการมีส่วนร่วมต่างๆ ได้ ทำให้รู้ว่าคอนเทนต์ไหนเป็นไวรัลอยู่บ้างนั่นเอง

ZOCIAL EYE

ZOCIAL EYE เป็นเครื่องมือ Social Listening ที่สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อทำการตลาดแบบไวรัลได้จากการฟังเสียงโดยรวมของผู้บริโภคในเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง แคมเปญที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ โดยแบรนด์สามารถนำ ZOCIAL EYE มาใช้เพื่อดูความเคลื่อนไหวของกระแสผู้บริโภคต่อเรื่องนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร คู่แข่งกำลังทำอะไร คอนเทนต์ไหนคนสนใจเยอะ จากช่องทางไหน ไปจนถึงการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลต่อหัวข้อนั้นๆ ซึ่งจะช่วยทำให้การทำ Viral Marketing ประสบความสำเร็จได้ง่ายและเร็วขึ้นจากฐานข้อมูลจำนวนมหาศาลของ Wisesight 

นอกจากนี้  ZOCIAL EYE  ยังมีส่วนช่วยในการวัดผลแคมเปญการตลาดแบบไวรัลได้ ซึ่งปกติเป็นกลยุทธ์ที่ทำการวัดผลได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากข้อมูลนั้นมีจำนวนมากและอยู่กระจัดกระจาย และไม่สามารถทำการติดตามจากลิงก์เหมือนโพสต์ปกติบนโลกออนไลน์ได้ การใช้ Social Listening Tool จึงเป็นวิธีที่ช่วยในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับไวรัลนั้นๆ มาไว้ในที่เดียวกันได้ในระยะเวลาอันสั้น แถมยังแม่นยำมากด้วย (อ่านบทความ Social Listening เพิ่มเติมได้ที่ Social Listening คืออะไร ใช้ประโยชน์อย่างไร รู้ครบจบในที่เดียว)

หากสนใจเครื่องมือ ZOCIAL EYE สามารถขอรับการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยที่นี่

บทสรุปของการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing)

การทำการตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) มีข้อดีคือ สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นจำนวนมากและได้รับความสนใจสูง เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงง่าย ส่งต่อง่าย สื่อสารในด้านอารมณ์และกระตุ้นอารมณ์ได้ดี แต่การทำคอนเทนต์ไวรัลนั้นเหมือนดาบสองคม เพราะมีหลายครั้งเช่นกันที่คนมักใช้แนวทางทำการตลาดที่หวังโกยกระแสไวรัล เรียก Awareness จากผู้คน จนอาจละเลยผลลัพธ์ที่ตามมามากกว่านั้นซึ่งอาจส่งผลเสียต่อแบรนด์ได้

ดังนั้น หากต้องการใช้การตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing) อย่าลืมที่จะคำนึงถึงคุณค่าของเนื้อหาที่จะทำให้ได้รับความนิยมและผลตอบรับเชิงบวก ทำให้ผู้คนอยากส่งต่อเรื่องราวนั้นไปเรื่อยๆ เพื่อบอกต่อ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแรงและโด่งดังมากขึ้นโดยใช้งบประมาณไม่มาก แต่กลับสามารถทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของใครหลายคนได้อย่างยั่งยืน

แหล่งอ้างอิง

เนื้อหาโดยรวม

http://gscm.nida.ac.th/uploads/files/1598428265.pdf
https://blog.hubspot.com/marketing/viral-campaigns
https://woorise.com/viral-marketing-tools-to-generate-leads-and-traffic
https://www.liveabout.com/word-of-mouth-vs-viral-marketing-what-s-the-difference-2295731
https://www.semrush.com/blog/hooks-of-viral-tiktoks/
https://www.linkedin.com/pulse/viral-marketing-delicate-dance-social-media-alexandria-cholewinski/?trk=articles_directory

Case Study

https://www.iqads.ro/podcast/1360/case-study-nature-s-table-plate-bowl
https://www.marketingoops.com/campaigns/inter/emirates-airline-ad/
https://mgronline.com/live/detail/9570000094358