การกีฬาแห่งประเทศไทย เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาในประเทศไทย พบว่า จากประชาชน 48.59 ล้านคนบนสื่อโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง มี 7.2 หมื่นคนที่ให้ความสนใจในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยช่วงเวลาที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการท่องเที่ยวเชิงกีฬาใน 3 กีฬาหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ 1.) เซิร์ฟบอร์ด ซึ่งคิดเป็น 58.6% มักท่องเที่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน, 2.) เจ็ทสกี ซึ่งคิดเป็น 24.9% มักท่องเที่ยวในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน, 3.) เซิร์ฟสเกต ซึ่งคิดเป็น 16.5% มักท่องเที่ยวในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม

หากแจกแจงการท่องเที่ยวเชิงกีฬาในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมในแต่ละฤดูจะพบว่า ในฤดูหนาว ประชาชนมักวิ่งและวิ่งมาราธอนมากที่สุด คิดเป็น 36.6% โดยสถานที่ยอดฮิตในการวิ่งและวิ่งมาราธอนคือ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีและหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี ในขณะที่ฤดูร้อน ประชาชนมักเล่นกีฬาเซิร์ฟสเกตมากที่สุด คิดเป็น 30.5% โดยสถานที่ยอดฮิตในการเล่นกีฬาเซิร์ฟสเกต คือ หัวหิน จังหวัดประจบคีรีขันต์และจังหวัดภูเก็ต และในฤดูฝนประชาชนมักเข้าร่วมการแข่งขันโมโตจีพีที่จังหวัดบุรีรัมย์ คิดเป็น 27.7% รองลงมาคือกอล์ฟ 5.2% ที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

เมื่อสำรวจเหตุผลที่ประชาชนคนไทยเข้าร่วมและรับชมการแข่งขันกีฬาต่างๆ พบว่า อันดับ 1 เพื่อความสนุก คิดเป็น 41.1%, อันดับ 2 เพื่อการพักผ่อน คิดเป็น 33.7%, อันดับ 3 เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว คิดเป็น 25.2%

อย่างไรก็ตาม ประชาชนก็มีคำเสนอแนะเรื่องความต้องการหรือปัญหาที่เกิดขึ้นกับการจัดการแข่งขันกีฬาและกิจกรรม ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ด้าน ดังนี้

  1. การแข่งขัน ประชาชนมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการจัดกิจกรรม และการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันกีฬาต่างๆ รวมถึงราคาห้องพักเมื่อต้องเดินทางไปต่างจังหวัดว่าต้องมีความเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นช่วงวันหยุดยาว ที่พักก็จะมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
  2. การรับชม ประชาชนต้องการให้ราคาบัตรมีความเหมาะสม ดังนั้นจึงควรมีการควบคุมและดูแลเรื่องราคาบัตรเข้าชมจากรัฐ อีกประการคือ ห้องน้ำต้องมีเพียงพอต่อผู้เข้าชมและสะอาด