ในการทำ Digital Marketing ไม่ว่าจะเป็นในฝั่งของเอเจนซีหรือคนทำแบรนด์ อาจจะรู้สึกว่าการวาง “Media Plan” นั้นเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน เพราะต้องดูข้อมูล (Data) ในฝั่ง Owned Media บวกกับการดูกระแสของเทรนด์การใช้โซเชียลมีเดียภายใต้หมวดหมู่ของอุตสาหกรรมที่ทำอยู่ หรืออาจจะต้องทำการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมในฝั่งของ Earned Media ในแต่ละเดือนเพิ่มเติม เพื่อนำมาประมวลผลว่าควรที่จะทำ Media Plan อย่างไรให้ประสบผลสำเร็จ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น

แล้วการหาอินไซต์สำหรับทำ Media Plan จากข้อมูลโซเชียลมีเดียจะสามารถทำได้อย่างไรบ้างด้วยการใช้ Social Listening อย่าง Zocial Eye มาดูตัวอย่างการใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อทำ Media Plan ไปพร้อม ๆ กัน

Media Plan คืออะไร

ก่อนจะไปดูวิธีการทำ Media Plan มาทำความเข้าใจก่อนว่า Media Plan คืออะไร

Media Plan คือ การวางแผนการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) โดยเน้นไปที่กระบวนการสื่อสารว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนในการสื่อสาร จะสื่อสารเมื่อไร บ่อยแค่ไหน ไปจนถึงเจาะลึกถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยผลลัพธ์ของกระบวนการนี้คือ การได้ Media Plan ที่ใช้สำหรับการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อแบรนด์ในระยะยาวสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ไปจนถึงการสร้างภาพจำที่ทำให้เกิดการซื้อขายตามมาจากการสื่อสารของแบรนด์ (Brand Communication) 

แนะนำ 6 ฟีเจอร์บน Zocial Eye ที่ใช้สำหรับหาเทคนิคในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายบนโซเชียลมีเดีย เพื่อทำ Media Plan

Channel

ฟีเจอร์ที่แสดงผลข้อมูลของโซเชียลมีเดียที่มีข้อมูลปรากฏในแต่ละแคมเปญ

ฟีเจอร์ที่แสดงผลข้อมูลอารมณ์ความรู้สึกของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย โดยแบ่งเป็นความคิดเห็นในเชิงบวก (Positive), ความคิดเห็นเชิงลบ (Negative), หรือความคิดเห็นกลาง ๆ (Neutral)

ฟีเจอร์ที่แสดงจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของ Hashtag ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด

ฟีเจอร์ที่แสดงผล 3 อันดับสูงสุดที่ปรากฏบน Top Messages By Engagement โดยเรียงลำดับจากโพสต์ที่มีการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงที่สุด 3 อันดับแรกของแต่ละ Platform โดยจะแสดงผลลัพธ์ของโพสต์ได้ ดังนี้

1.1 รายละเอียดของข้อความในโพสต์

1.2 จำนวน Engagement ของโพสต์

1.3 ค่า Sentiment ของโพสต์ (สามารถคลิกเพื่อแก้ไขได้)

ฟีเจอร์ที่แสดงผล Top users ที่มีจำนวนข้อความมากที่สุดจากช่องทางโซเชียลมีเดียในแต่ละแพลตฟอร์ม โดยจะแสดงรายชื่อ User ที่มีจำนวนข้อความมากที่สุด และจำนวนข้อความ

ฟีเจอร์ที่ใช้ในการค้นหาและคัดกรองบัญชี (Account) ผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดีย โดยจะทำการแบ่งประเภทของบัญชีออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่

– Brand Involvement: เป็นการแบ่งบัญชีผู้ใช้งานในแต่ละหมวดหมู่ที่พูดถึงธุรกิจว่า มีผลลัพธ์ของโพสต์ต่าง ๆ เป็นอย่างไร

– Category: เป็นการแบ่งหมวดหมู่ตามประเภทของธุรกิจ (Brand Industry) และประเภทของบุคคลสาธารณะ (Public Figure)

– Type: เป็นการแบ่งหมวดหมู่ตามประเภทของแบรนด์ ซึ่งจะแบ่งเป็น Public Figure (บัญชีของผู้ใช้งานประเภทบุคคลสาธารณะ), Brand (บัญชีของผู้ใช้งานประเภทแบรนด์) และ

– Audience Size: เป็นการแบ่งหมวดหมู่ตามจำนวนผู้ติดตามของบัญชี (Account) ผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดีย

– TZA: เป็นการแบ่งหมวดหมู่ของอินฟลูเอนเซอร์ตามเกณฑ์การประกาศรางวัล Thailand Zocial Awards

การทำ Social Media Plan ตัวอย่างการใช้ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

มาทำความรู้จักกับ 6 ฟีเจอร์ของ Zocial Eye ที่สามารถใช้ในการทำ Media Plan ได้โดยการเริ่มต้นจากการสร้างแคมเปญด้วย Main keyword เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือสินค้าและบริการในภาพรวมเพื่อดูการพูดถึง ทั้งในมุมจำนวนและลักษณะเฉพาะของแต่ละช่องทาง หลังจากนั้นก็เริ่มต้นดูข้อมูลเชิงลึก (Insight) จากฟีเจอร์ต่าง ๆ ดังนี้

ฟีเจอร์สำหรับทำ Media Plan ด้วย Zocial Eye
ฟีเจอร์สำหรับทำ Media Plan ด้วย Zocial Eye

ภาพการแสดงผลฟีเจอร์ของ Zocial Eye ที่สามารถใช้ในการทำ Social Media Plan ได้

1. การใช้งานฟีเจอร์ Channel เพื่อหาข้อมูลแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในแต่ละช่องทาง

หลังจากสร้างแคมเปญบน Zocial Eye เรียบร้อยแล้ว จะสามารถดูข้อมูลสัดส่วนของช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีการใช้งานเพื่อพูดถึง Main keyword เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือสินค้าและบริการ โดยสามารถดูได้ครบในช่องทางโซเชียลมีเดียช่องทางหลัก และปรับมุมมองของข้อมูลได้เป็น 2 รูปแบบ คือ

  • การดู Channel ด้วยจำนวนข้อความ (Message) เป็นการดูว่าช่องทางโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทางมีจำนวนข้อความมากหรือน้อยแค่ไหน โดยแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Pie Chart และตัวเลข
  • การดู Channel ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) เป็นการดูว่าช่องทางโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทางมีจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) มากหรือน้อยแค่ไหน โดยแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Pie Chart และตัวเลข
ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Channel ด้วยจำนวนข้อความ (Message)

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Channel ด้วยจำนวนข้อความ (Message)

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Channel ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement)

ฟีเจอร์ Channel ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร

การดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Channel จะช่วยทำให้เห็นว่ามีช่องทางโซเชียลไหนบ้างที่ผู้คนใช้งานเป็นจำนวนมาก รวมถึงดูได้ว่าช่องทางโซเชียลมีเดียช่องทางไหนที่มีการมีส่วนร่วมสูง (Engagement) เพื่อที่จะเลือกวางแผนการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียที่สร้างอิมแพ็คให้กับแบรนด์ได้อย่างแม่นยำ

ยกตัวอย่างเช่น จากกราฟตัวอย่างจะเห็นว่าแคมเปญนี้ในช่องทาง Facebook เป็นช่องทางที่มีทั้งจำนวนข้อความ (Message) และจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่สูงที่สุดจากทุกช่องทางก็อาจจะวาง Media Plan ในการใช้ Facebook เพื่อต่อยอดการสร้าง Engagement มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในช่องทาง TikTok ก็เป็นช่องทางที่น่าสนใจ เพราะเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียที่อาจจะไม่ได้มีจำนวนข้อความที่เกิดขึ้นมากนัก แต่กลับมีจำนวน Engagement ที่สูง หากต้องการทำแคมเปญเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมการวาง Media Plan ในช่องทาง TikTok ที่มีประสิทธิภาพก็จะช่วยทำให้เพิ่มยอด Engagement ได้มากยิ่งขึ้น

2. การใช้งานฟีเจอร์ Sentiments เพื่อหาข้อมูลเสียงของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องบนโซเชียลมีเดียว่ารู้สึกอย่างไร

ฟีเจอร์ต่อมาคือฟีเจอร์ Sentiments ที่แสดงข้อมูลของความรู้สึกของผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ซึ่งเราจะใช้ Kirin AI ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ Wisesight ในการวิเคราะห์เสียงของผู้บริโภค (Sentiment Analysis) ​โดยดูว่าผู้บริโภคมีความคิดเห็นหรือประสบการณ์อย่างไรกับแบรนด์ แคมเปญ หรือเทรนด์ในเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) ซึ่งสามารถปรับมุมมองของข้อมูลได้เป็น 2 รูปแบบ คือ

  • การดู Sentiments ด้วยจำนวนข้อความ (Message) เป็นการดูว่าจากแคมเปญที่ทำการสร้างมานั้นมีสัดส่วนของ Sentiments ในเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) ในแต่ละรูปแบบเท่าไหร่ โดยจะแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Pie Chart และตัวเลข
  • การดู Sentimentsl ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) เป็นการดูว่าจากแคมเปญที่ทำการสร้างมานั้นมีจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) ของความคิดเห็นเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) ในแต่ละรูปแบบเท่าไหร่ โดยแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Pie Chart และตัวเลข
ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Sentiments ด้วยจำนวนข้อความ (Message)

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Sentiments ด้วยจำนวนข้อความ (Message)

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Sentiments ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement)

ดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Sentiments ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement)

ฟีเจอร์ Sentiments ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร

การดูข้อมูลจากฟีเจอร์ Sentiments จะช่วยทำให้เห็นว่าในเรื่องที่สนใจนี้มีการแสดงความคิดเห็นของผู้คนบนช่องทางโซเชียลมีเดียในรูปเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) ในสัดส่วนเท่าไหร่ทั้งในด้านจำนวนข้อความ (Message) และการมีส่วนร่วม (Engagement) เพื่อที่จะได้วัดผลว่า คนแสดงความคิดเห็นว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จะได้นำมาวางแผนการทำคอนเทนต์ในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

ยกตัวอย่างการใช้ฟีเจอร์ Sentiments ในการทำ Social Media Plan เช่น อาจจะนำมาเปรียบเทียบในแง่ของแบรนด์ตัวเองและคู่แข่งว่า แบรนด์ไหนที่ครองพื้นที่เสียงของผู้บริโภคอยู่ในขณะนี้ และมีคนพูดถึงในแง่ดีหรือไม่ รวมถึงอาจจะดูว่าลูกค้าสนใจอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไรบ้าง เช่น ชอบหรือไม่ชอบในด้าน Branding, Influencer, Price, Product, ช่องทางการสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งจะนำมาใช้ในวางแผนการใช้โซเชียลมีเดียในฝั่งของการทำ Communication Plan ได้ด้วย 

3. การใช้งานฟีเจอร์ Top messages by engagement เพื่อดูว่าคอนเทนต์ไหนที่ได้รับความสนใจในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย

ฟีเจอร์ Top messages by engagement จะแสดงข้อมูลของข้อความ (Messages) ที่มีการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงสุด โดยเรียงลำดับจากโพสต์ที่มี Engagement สูงที่สุด 3 อันดับแรกของแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะมีรายละเอียดของข้อความในโพสต์, จำนวน Engagement ของโพสต์ และ Sentiment ของ โพสต์นั้น ๆ แสดงขึ้นมาให้เห็นด้วย

ภาพการแสดงผลของ Top messages by engagement

ภาพการแสดงผลของ Top messages by engagement

ฟีเจอร์ Top messages by engagement ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร

เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้มองเห็นว่าโพสต์หรือเนื้อหาประเภทใดได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ติดตามหรือผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ทำให้สามารถนำข้อมูลนี้มาปรับใช้ในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้ชมเป้าหมายได้ ซึ่งการที่เห็นว่า ข้อความหรือเนื้อหาแบบไหนที่ได้รับการตอบรับดีที่สุดก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้าง Social Media Plan ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้แผนสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งก็จะรู้ว่าโพสต์แบบใดของคู่แข่งได้รับการมีส่วนร่วมที่ดี ทำให้สามารถปรับแผนการตลาดให้เหมาะสมและโดดเด่นกว่าคู่แข่งได้

4. การใช้งานฟีเจอร์ Top users เพื่อดูว่าบัญชีผู้ใช้งานคนไหนที่ได้รับความนิยมในแต่ละช่องทางโซเชียลมีเดีย

ฟีเจอร์ Top users จะแสดงรายชื่อของบัญชีผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนข้อความ (Messages) สูงสุด และจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงสุดในช่องทางโซเชียลมีเดียหลัก 

ภาพการแสดงผลของ Top users

ภาพการแสดงผลของ Top users

ฟีเจอร์ Top users ของ Zocial Eye ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร

ฟีเจอร์นี้ช่วยในการระบุผู้ใช้งานที่มีอิทธิพลสูงในกลุ่มเป้าหมายจากช่องทางโซเชียลมีเดียในแต่ละช่องทางได้ หากบัญชีผู้ใช้งานนั้นมีผู้ติดตามสูงจากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือ KOL ก็สามารถนำข้อมูลนี้มาวางแผนการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์หรือ KOL เพิ่มเติมได้ เพื่อการทำ Media Plan ที่สมบูรณ์มากขึ้นจากการขยายการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ผ่านการแชร์คอนเทนต์ด้วยบัญชีผู้ใช้งานเหล่านี้

นอกจากนี้ยังช่วยทำให้เข้าใจพฤติกรรมของ Top users ว่า พวกเขาชื่นชอบหรือทำคอนเทนต์ประเภทใดมากที่สุด ซึ่งสามารถนำข้อมูลนี้มาใช้ในการวางแผนการทำคอนเทนต์ในอนาคตให้ตรงกับความสนใจของคนกลุ่มนี้ได้มากยิ่งขึ้น

5. การใช้งานฟีเจอร์ Top 10 hashtags เพื่อดูว่าแฮ็ชแท็กใดที่คนพูดถึงมากที่สุดในแต่ช่องทางโซเชียลมีเดีย

ฟีเจอร์ Top 10 hashtags จะแสดงผลของจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของแฮ็ชแท็ก (Hashtag) ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดใน 10 อันดับแรก โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Kirin AI ในการประมวลผล ซึ่งสามารถดูผลลัพธ์ได้ 2 มุมมอง คือ

  • การดู Top 10 hashtags ด้วยจำนวนข้อความ (Message) เป็นการดูว่า แฮ็ชแท็ก (Hashtag) ใน 10 อันดับแรกที่มีข้อความสูงสุดมี Hashtag อะไรบ้าง และมีจำนวนเท่าไหร่
  • การดู Top 10 hashtags ด้วยจำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement)  เป็นการดูว่า แฮ็ชแท็ก (Hashtag) ใน 10 อันดับแรกที่มีการมีส่วนร่วมสูงสุดมี Hashtag อะไรบ้าง และมีจำนวนเท่าไหร่

นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนมุมมองไปดูในด้าน Sentiment ได้ด้วยว่า Top 10 hashtags ทั้งในฝั่งของจำนวนข้อความสูง และจำนวนการมีส่วนร่วมสูงนั้นมีคนพูดถึงในแง่ไหนทั้งในเชิงบวก (Positive), เชิงลบ (Negative), หรือกลาง ๆ (Neutral) 

ภาพการแสดงผลของ Top 10 hashtags

ภาพการแสดงผลของ Top 10 hashtags

ฟีเจอร์ Top 10 hashtags ของ Zocial Eye ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร

ฟีเจอร์ Top 10 hashtags เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเลือกใช้แฮชแท็กที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และทำให้แผนการตลาดบนโซเชียลมีเดียตรงตามเทรนด์และการใช้งานของผู้คนบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น เช่น

  • ช่วยบอกแนวโน้มของกระแสว่าแฮชแท็กใดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด ทำให้สามารถทำคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ และมีโอกาสที่จะกลายเป็น Viral ได้จากการเล่นกระแสบนโซเชียลมีเดีย
  • ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง (Reach) รู้ได้ว่าควรใช้แฮชแท็กใดที่จะทำให้คนเข้าถึงได้จำนวนมากที่สุด
  • ช่วยวิเคราะห์คู่แข่งว่า แบรนด์คู่แข่งใช้แฮชแท็กใดในการทำแคมเปญ ช่วยให้พลิกเกมการทำการตลาดจากการเล่นแฮ็ชแท็กได้
  • ช่วยในการสร้างแฮชแท็กที่สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และสามารถสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนในตลาดได้

6. การใช้งานฟีเจอร์ Account Labels เพื่อหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช่ในแต่ละโซเชียลมีเดีย

ฟีเจอร์ Account Labels จะแสดงข้อมูลของบัญชี (Account) ผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ Category, Type, Audience Size และ TZA ซึ่งสามารถที่จะเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลให้เป็น Pie Chart หรือ Table ได้ตามต้องการ

ภาพการแสดงผลของ Account Labels
ภาพการแสดงผลของ Account Labels ในรูปแบบ pie

ฟีเจอร์ Account Labels ของ Zocial Eye ช่วยในการทำ Social Media Plan อย่างไร

ฟีเจอร์นี้ช่วยให้สามารถติดป้าย (Label) เพื่อจัดกลุ่มบัญชีผู้ใช้ต่าง ๆ ตามลักษณะ เช่น บอกได้ว่าอินฟลูเอนเซอร์นั้นมีจำนวนผู้ติดตาม (Audienece Size)​ อยู่ในกลุ่มไหนมากที่สุด, สามารถจัดหมวดหมู่ของบัญชีผู้ใช้งานตามประเภทของธุรกิจ (Brand Industry) และประเภทของบุคคลสาธารณะ (Public Figure) ได้ ทำให้เวลาจะเลือกอินฟลูเอนเซอร์จากประเภทของอุตสาหกรรมไหนสามารถทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยประเมินและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มที่กำหนดไว้ได้ดีขึ้นด้วย เป็นต้น 

หรือถ้าดูคู่แข่งก็สามารถเปรียบเทียบการวาง Social Media Plan ของคู่แข่งในด้านการใช้อินฟลูเอนเซอร์ได้ การทำการตลาดของแบรนด์ก็จะได้เลือกเทคนิคที่ไม่ซ้ำหรือก้าวนำคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

การใช้งาน 6 ฟีเจอร์นี้จะช่วยทำให้การวาง Media Plan บนโซเชียลมีเดียเกิดขึ้นจาก Social Data โดยตรง แน่นอนว่า ช่วยทำให้การทำแผนการตลาดบนโซเชียลมีเดียสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้นแบบที่ไม่ต้องคาดคะเน ซึ่งมีความเสี่ยงที่แผนนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ในการวัดผลลัพธ์ของแคมเปญที่ทำต่อจาก Media Plan ก็ได้ว่า ผลลัพธ์ที่ได้นั้นตรงไปตามแผนที่วางไว้มากน้อยแค่ไหน 

ดูวิธีใช้งาน Zocial Eye เพื่อหาอินไซต์จาก Social Data ในมุมอื่น ๆ ที่ :

วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ขยายฐานลูกค้าจากแบรนด์คู่แข่งด้วย Zocial Eye

คอนเทนต์ คืออะไร มีกี่ประเภท ดูวิธีการสร้างคอนเทนต์ด้วยข้อมูลบนโซเชียลมีเดียจาก Zocial Eye

Market Opportunity คืออะไร ดูวิธีการหาโอกาสทางการตลาดด้วย Social Listening Tool

ภาวะวิกฤต คืออะไร ดูวิธีการหาภาวะวิกฤตองค์กรบนโซเชียลมีเดียด้วย Social Listening