ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้มีประเด็นบนโลกออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Sexual Harassment ผ่านทางสตรีมเมอร์คนหนึ่งที่ออกมาพูดถึงเรื่อง “การมองหน้าอกไม่เท่ากับ Sexual Harassment” โดยได้มีการอธิบายว่า อารมณ์ทางเพศนั้นสามารถควบคุมได้แต่ปฏิกิริยาตอบสนองเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งผู้ชายทุกคนล้วนเคยมองหน้าอกมาทั้งนั้น และหากตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องทางเพศก็ไม่ถือว่าผิด หลังจากนั้นคนก็ออกมาแสดงความเห็นถึงประเด็นนี้จำนวนมากทำให้เกิดเป็นแฮชแท็ก “มองนมไม่ผิด” ซึ่งความคิดเห็นบนโลกออนไลน์มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับแฮชแท็กดังกล่าว แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ การกระทำรูปแบบใดบ้างที่เข้าข่ายว่าเป็นการคุกคามทางเพศ?
จากการสำรวจความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ที่กล่าวถึงประเด็น Sexual Harassment โดย ZOCIAL EYE ในช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 – 31 กรกฎาคม 2563 แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ต่อไปว่ามีการกล่าวถึง Sexual Harassment ในการกระทำรูปแบบใดบ้าง
กราฟแสดงจำนวนข้อมูลที่กล่าวถึงประเด็น SEXUAL HARASSMENT

มีข้อความที่กล่าวถึงประเด็น Sexual Harassment จำนวน 15,448 ข้อความ มีจำนวนข้อความมากที่สุดในวันที่ 5 มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีกระแส #มองนมไม่ผิด คนจึงออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับ Sexual Harassment เป็นจำนวนมาก โดยช่องทางที่มีการพูดถึงมากที่สุด คือ Twitter (59.65%) รองลงมาคือ Facebook (33.56%) โดยในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่เก็บข้อมูล
รูปแบบของการกระทำที่มักกล่าวควบคู่กับ SEXUAL HARASSMENT

![[1] การแบ่งประเภทการกระทำโดยอ้างอิงพฤติกรรมจากบทความเมื่อฉันถูกคุกคาม…(ทางเพศ) https://www.thaihealth.or.th/Content/46256-](http://promite.dev/wp-content/webp-express/webp-images/uploads/2021/06/sexual-harassment-data-analytics-2-20250120-101859.png.webp)
รูปแบบที่ 1 ทางช่องทางออนไลน์ (34%)
ปัจจุบันที่การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตมีความสะดวกสบายและรวดเร็ว การคุกคามทางเพศผ่านโลกออนไลน์ตามช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter หรือ Instagram เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ซึ่งมีคนจำนวนมากกล่าวถึงการคุกคามทางช่องทางออนไลน์โดยมีการกระทำหลากหลายรูปแบบ
• การส่งข้อความ คอมเมนต์และโพสต์แทะโลม
ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความแทะโลมทางแชทส่วนตัว หรือจะเป็นการคอมเมนต์ที่คิดว่าแซวขำๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศแต่อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกตลกด้วย รวมถึงการนำรูปภาพของคนอื่นมาใส่แคปชั่นที่ส่อเรื่องเพศโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นก็ได้มีความเห็นว่าการกระทำเหล่านี้มันเข้าข่าย Sexual Harassment รูปแบบหนึ่ง

• การส่งรูปภาพหรือคลิปวิดีโอที่ส่อเรื่องเพศ
อาจจะเป็นการส่งรูปภาพของลับของตัวเอง หรือส่งคลิปวิดีโอ 18+ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการก็สามารถสร้างความอึดอัดใจและความรู้สึกไม่ปลอดภัยได้

• การพิมพ์วิจารณ์รูปร่างในช่องทางต่างๆ
การพิมพ์วิจารณ์รูปร่างร่างกายของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นอวัยวะส่วนใดส่วนนึงของร่างกาย ที่สร้างความรู้สึกไม่มั่นใจให้กับอีกฝ่าย ยกตัวอย่างข้อความที่มีคนแชร์ประสบการณ์ว่าเคยถูกคอมเมนท์วิจารณ์เรื่องขนาดหน้าอกหรือการที่มีคนออกมาวิจารณ์อวัยวะเพศของเพศตรงข้ามในที่สาธารณะก็มองว่าเป็นรูปแบบของการคุกคามทางเพศอย่างหนึ่งด้วย

การกระทำรูปแบบนี้ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งอาจเพราะคนส่วนใหญ่ยังมีความคิดที่ว่าการคุกคามทางเพศผ่านโลกออนไลน์มันไม่ใช่เรื่องใหญ่และผู้คนมักจะปล่อยผ่านไปเพราะคิดว่าเป็นเรื่องตลกขำขันและการกระทำลักษณะนี้จะไม่ได้กระทำกันแบบซึ่งๆหน้าจึงไม่น่าจะส่งผลอันตรายอะไรมากนัก แต่จริงๆ แล้วแค่เพียงตัวอักษรก็สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ผู้ที่โดนกระทำได้เช่นกัน
รูปแบบที่ 2 ทางสายตา (31%)
การคุกคามทางสายตาเป็นรูปแบบการคุกคามอย่างนึงที่คนกล่าวถึงบนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อพูดถึงการกระทำในลักษณะที่แสดงออกทางสายตา เช่นการจ้องมองร่างกาย หรือใช้สายตาแทะโลมโดยที่ฝ่ายถูกกระทำไม่ได้ยินยอม ยังคงมีประเด็นที่ถกเถียงกันในโลกออนไลน์ถึงขอบเขตของการมองว่ามองแค่ไหนถึงเรียกว่าคุกคามทางเพศ
• บางคนคิดว่าแค่ถูกมองก็รู้สึกไม่ปลอดภัย
ในมุมมองของคนที่รู้สึกว่าแค่มองก็เป็นการคุกคามทางเพศได้ มีความคิดเห็นว่าในฐานะของคนมองอาจมองโดยไม่ได้ตั้งใจหรือมองเฉยๆ ก็จริง แต่ในขณะเดียวกันคนที่ถูกมองไม่ได้ทราบถึงเจตนานั้น หากการมองทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ปลอดภัยก็ถือว่าเป็นการคุกคามอย่างหนึ่งหรือไม่ การใช้เหตุผลว่าเป็นสัญชาตญาณมาสนับสนุนการมอง ทั้งที่มนุษย์มีวิวัฒนาการในการคิดยับยั้งชั่งใจซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นอาจเป็นเหตุผลที่ดูไม่มีน้ำหนัก

• บางคนคิดว่าขึ้นกับลักษณะของการมอง


โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่จะดูที่ลักษณะ เจตนาและการกระทำต่อจากการมอง หากมองแบบผ่านๆ โดยไม่ได้ตั้งใจอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณหรือมีจุดนำสายตา หรือเป็นในกรณีที่ผู้หญิงบางคนสะดวกใจที่จะให้มองอยู่แล้วอาจไม่ถือว่าเป็นการคุกคามทางเพศ แต่หากมองจ้อง หรืออาจแสดงท่าทาง วาจาจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดถึงเรียกว่า Sexual Harassment
จากประเด็นที่ถกเถียงถึงขอบเขตการมอง เนื่องจากระดับในการรับได้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ผลกระทบย่อมแตกต่างกันออกไป ซึ่งขอบเขตการมองรูปแบบใดถึงจะเป็นการคุกคามทางเพศ? คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คงเป็นผู้ถูกกระทำนั่นเองว่าเขายินยอมให้คุณมองหรือไม่
รูปแบบที่ 3 ทางวาจา (26%)
การคุกคามทางวาจา เป็นรูปแบบการกระทำที่เจอได้บ่อยในชีวิตประจำวัน อาจเคยได้ยินประโยคที่ส่อทางเพศตามสถานที่ที่เราเรียกว่า “สามแยกปากหมา” หรือที่อื่นๆ มาบ้าง แต่ในตอนนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าการกระทำเหล่านี้มันคือการคุกคามทางเพศ เราลองมาดูว่าการพูดรูปแบบใดบ้างที่คนกล่าวถึงพร้อมคำว่า Sexual Harassment
• การพูดจาแทะโลม แซว
การพูดจาแทะโลม แซวที่ส่อไปในเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นการแซวว่า “น้องสาว” “ว่าไงจ๊ะคนสวย” หรือ “อยากได้เป็นผัว” ซึ่งคำแซวพวกนี้ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีที่มีคนมาพูดแบบนี้ด้วย หากรุนแรงขึ้นมาหน่อยก็จะเริ่มพูดจาที่ส่อทางเพศมากขึ้น เช่น “ชอบมาก อยากมีอะไรด้วย” รวมถึงการพูดจาหยอกล้อเรื่องเพศด้วย


• การพูดเล่นมุกตลกเกี่ยวกับเรื่องเพศ
“ถ้าคุณเล่นมุกตลก แล้วมีคนต้องอับอายหรือเสียใจ นั่นไม่ใช่มุกตลก นั่นคือไม่มีมารยาท” การเล่นมุกตลกเกี่ยวกับเรื่องเพศก็เช่นกัน หากทำให้คนฟังรู้สึกแย่ก็คงไม่ใช่มุกตลกแล้วแต่จะกลายเป็นการคุกคามทางเพศ และในรายการทีวีต่างๆ ที่ยังมีการนำเรื่องเพศมาพูดให้เกิดความตลกจนกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย ซึ่งมีคนออกมาให้ความเห็นว่าจริงๆ แล้วมันไม่ตลกเลย เราสามารถตลกได้โดยไม่จำเป็นต้องเล่นมุกเกี่ยวกับเรื่องเพศ


• การวิจารณ์รูปร่าง ร่างกายของผู้อื่น
การวิจารณ์รูปร่างที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอาย โดยอาจเป็นการพูดถึง ขนาด สี กลิ่น หรือลักษณะอื่นๆ เช่น “ขาใหญ่” “ตูดใหญ่” “นมแบน” หรือ คำว่า “ฮานามิ” “ปลาเค็ม” ที่ตั้งใจพูดเพื่อสื่อถึงกลิ่นอวัยวะเพศของอีกฝ่าย


เมื่อเจอเหตุการณ์คุกคามทางเพศทางวาจา คุณเคยเจอประโยคแบบนี้หรือเปล่า? “ขำๆ นะ” “แค่แซวเล่น” “อย่าคิดมาก” หลายครั้งที่ฝ่ายกระทำมักใช้คำพูดเหล่านี้มาสนับสนุนการกระทำของตัวเองและทำให้มันเหมือนเป็นเรื่องปกติที่คนเขาพูดกันโดยไม่ได้ตระหนักถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย พอบ่อยครั้งเข้าก็ทำให้คนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำแยกไม่ออกว่าจริงๆ แล้วอะไรคือเรื่องปกติหรือไม่ปกติที่ควรพูดกันแน่ แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ คำพูดเหล่านั้นมันสร้างความอึดอัดและความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้คนฟัง
รูปแบบที่ 4 ทางกายภาพ (9%)
การคุกคามทางเพศทางกายภาพ เป็นการกระทำที่ทุกคนเห็นภาพชัดเจนที่สุด มีหลายระดับความรุนแรง ตั้งแต่การแตะเนื้อต้องตัว ลูบไล้ โอบกอด หอม ใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายสัมผัสถูไถ รวมทั้งการเดินตาม สะกดรอยตามโชว์อวัยวะเพศ สำเร็จความใคร่ให้ผู้อื่นเห็น หรืออาจรุนแรงจนถึงขั้นพยายามข่มขืน หรือข่มขืน

จากข้อความสิ่งที่ปรากฏคือ ทุกคนล้วนมีโอกาสโดนคุกคามทางเพศได้ทั้งนั้น มันเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ไม่เลือกเพศ อายุ และสถานที่ จะในโรงเรียน ที่สาธารณะ ที่ทำงานก็มีโอกาสเจอได้ ซึ่งในบางครั้งเหตุการณ์เหล่านี้ก็เกิดจากคนใกล้ชิดที่เป็นเพื่อน แฟนหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวตัวเอง ดังนั้นเราจะยังกล่าวโทษเหยื่อ (Victim blaming) อยู่หรือไม่หากเหตุการณ์เหล่านี้ยังเกิดขึ้นได้ทุกที่โดยไม่ทันตั้งตัว หรือจริงๆ แล้วไม่สมควรมีใครต้องโดนการคุกคามทางเพศ
ความปกติที่ไม่ปกติ
เมื่อมองดูสังคมไทยอาจไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่มีคนยังแยกไม่ออกว่าแบบไหนถึงเรียกว่าคุกคามทางเพศ ในเมื่อขนาดรายการโทรทัศน์หรือสื่อต่างๆ ยังมีการนำเสนอเนื้อหาที่มีการหยอกล้อเกี่ยวกับเรื่องเพศ หรือพูดจาแทะโลมคนอื่นว่าเป็นเรื่องตลก จนมองว่าเป็นเรื่องปกติของสังคมไทยไปแล้ว ขึ้นชื่อว่าสื่อย่อมมีอิทธิพลต่อคนดู ไม่ว่าจะเป็นละคร หนัง หรือเพลงเองก็ยังพบว่ามีเนื้อหาที่มีการคุกคามทางเพศแอบซ่อนอยู่ด้วย การนำเสนอเนื้อหาเหล่านี้ซ้ำๆ ของสื่อก็มีผลต่อความคิดของคนดูและปฏิเสธไม่ได้ว่าเราโตขึ้นมากับสังคมที่ถูกหล่อหลอมมาแบบนี้
บางคนไม่รู้ว่าตัวเองนั้นตกเป็นเหยื่อของ Sexual Harassment และบางคนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำเรียกว่า Sexual Harassment เพราะความไม่รู้จึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ในปัจจุบันที่สังคมเริ่มตื่นตัวและตระหนักกับเรื่องนี้มากขึ้นอาจเป็นผลมาจากรับข้อมูลที่มากขึ้น เราจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมาหวังว่าจะช่วยทำให้ผู้อ่านได้รับรู้เกี่ยวกับรูปแบบการกระทำที่เข้าข่ายการคุกคามทางเพศผ่านการแชร์ประสบการณ์ของคนหลายๆ คนบนโลกออนไลน์ อย่าเพียงตื่นตัวเพราะเป็นกระแสเพราะสักวันมันอาจจางไป ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องการ Sexual Harassment ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไปได้เพื่อสังคมที่ดีขึ้นนี้
วิเคราะห์ข้อมูลและเขียนโดย: วรรณา มุลาลินน์