ในปัจจุบันเรื่องของ Data เป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจ เพราะโลกที่หมุนไปเร็ว เราเลยจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ซึ่งข้อมูลจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ทันและแม่นยำขึ้น แต่เรื่องของ Data ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เรารู้อยู่ยังคงใช้งานต่อได้หรือเปล่า หรือควรใช้ Data อย่างไรเพื่อไม่ให้หลงทาง

วันนี้เราได้สัมภาษณ์คุณต่อ พุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลแห่ง Wisesight ผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานในวงการนี้มากว่า 6 ปี และพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานสาย Data จนสรุปออกมาเป็น Data Analyst Perspective ของปีนี้ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และสาย Data ควรจะโฟกัสอะไรเป็นพิเศษ ใช้ข้อมูลแบบไหนถึงจะตอบโจทย์ธุรกิจ และทำให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด มาดูกันเลยครับ

1. Data ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะมีความเข้มข้นมากขึ้น

ในช่วงนี้หลายคนคงได้ยินการพูดถึงเรื่องการใช้ Data หรือข้อมูลกันมากขึ้น จนเหมือนเป็นทักษะใหม่ที่น่าจับตามอง หลายธุรกิจเริ่มกระโดดลงมาลุยในมุมของการวิเคราะห์ข้อมูลมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว Data มีมานานแล้ว และทุกคนก็ใช้ Data กันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้ Maximize value เท่าไหร่ ดังนั้น ในปีนี้เองก็จะมีความเข้มข้นในการใช้ข้อมูลในมุมธุรกิจมากขึ้น และในขณะเดียวกันบริษัทที่ยังไม่เคยเก็บข้อมูลก็จะเริ่มมีความตื่นตัวในเรื่องการใช้ข้อมูลมากขึ้น

2. การเก็บข้อมูลต้องอาศัยความครีเอทีฟ มีความจริงใจ และจูงใจมากขึ้น

จากนโยบายเรื่อง PDPA หรือเรื่องความปลอดภัยในเรื่องข้อมูล ทำให้การขอข้อมูลเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักในปัจจุบันครับ คนที่ทำงานสาย Data หรือ Data Analyst เลยจำเป็นต้องมีวิธีการใหม่ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สำคัญมา การเดินเข้าไปขอผู้บริโภคตรงๆ เขาอาจจะให้เรา แต่จะมีคนให้ข้อมูลน้อยมาก เนื่องมาจากเรื่อง Privacy เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคการขอข้อมูล เช่น ควรขอแบบครีเอทีฟ และ Tranparancy มากพอสมควร คือ มีความจริงใจ ในขณะเดียวกันก็จูงใจด้วย

3. Data Analyst ต้องมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจมากขึ้นเพื่อสร้างอิมแพ็ค

ส่วนใหญ่แล้ว หลายบริษัทเก็บข้อมูลกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว ข้อมูลที่มีอยู่นั้นมากพอ และมีคุณภาพมากพออยู่แล้ว ดังนั้น ในปีนี้การใช้ข้อมูลจะไม่ใช่การ Analysis การเดาสุ่ม หรือวิเคราะห์อินไซท์แบบลอยๆ อีกต่อไปแล้ว แต่มันต้องสร้าง Business Impact ได้จริงๆ คนที่เป็น Data Analyst จะต้องเข้าใจ ธุรกิจมากขึ้น ไม่ใช่แค่เก่งเรื่อง Statistic หรือว่า Coding แล้ว แต่ต้องมี Domain Knowledge เกี่ยวกับธุรกิจนั้นๆ ที่ค่อนข้างแข็งแรงขึ้น ในระดับที่ชนกับธุรกิจได้ ซึ่งในคำว่าชนนี่ก็คือ ชนในความต้องการ ทำในสิ่งที่เขาต้องการ สร้างมูลค่าซึ่งและนำไปต่อยอดใช้ได้จริงในธุรกิจ

4. ในเรื่อง Programming ต้องโฟกัสไปที่ “ออโต้เมท” มากยิ่งขึ้น

ถ้าพูดถึงการทำงานของ Data Analyst เรื่องของ Programing เรียกได้ว่าเป็นหัวใจอย่างหนึ่งของงานนี้เลยครับ Programing จะช่วยในเรื่องของการเก็บและการ Process ข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่ Data Analyst หรือคนที่ทำงานด้านข้อมูลทำอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในกาทำงานมากยิ่งขึ้น ในปีนี้ในเรื่อง Programing เราอาจต้องโฟกัสไปที่การทำ “ออโต้เมท” มากขึ้น หรือทำสิ่งต่างๆ ให้อัตโนมัติมากขึ้น  เช่น หันไปเขียนโค้ดเพื่อให้งานของเราเสร็จเร็วกว่าเดิม เพื่อประหยัดเวลา เพราะต้นทุนเวลามีราคาแพง ดังนั้น ควรทำอย่างไรก็ได้ให้เกิดความรวดเร็ว ซึ่งการออโต้เมทคือคีย์สำคัญของเรื่อง programming ในยุคนี้ครับ

5. Data Science Skill จะกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่นักตลาดต้องมีติดตัว

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามี Use Case จากทั่วโลกจำนวนมาก ที่แสดงให้เห็นว่า Data สามารถช่วยธุรกิจได้ และยังมีผลงานวิจัยจากต่างประเทศด้วยว่า เรื่อง Data Science Skill กลายเป็นสกิลที่นักการตลาดทุกคนจำเป็นต้องมีอยู่แล้ว หรือพูดอีกอย่างคือ ในอนาคต Data จะไม่ใช่สกิลเสริมของนักการตลาดอีกต่อไป แต่จะเป็นสกิลที่จำเป็น

6.ไม่ควรลืมพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูล

หากพูดถึงเรื่องพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูลจะมีอยู่ 4 อย่างหลักๆ คือ Programming, Statistic ,Business หรือ Domain Knowledge และ Communication ยุคนี้การใช้ Data มีความ Advance มากยิ่งขึ้น ต่างคนก็ต่างอยากได้วิธีที่จะทำอย่างไรถึงจะใช้ข้อมูลที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด การยกระดับความรู้หรือความสามารถใหม่ๆ รวมถึง Marketing Analytics เองก็มีการใช้ความครีเอทีฟเข้ามาผสมเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่มีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ ต้องไม่ลืมกลับไปที่การวิเคราะห์พื้นฐานในเรื่อง Statistic กับ Mathematic ด้วย เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและนำไปใช้ได้จริง อย่าทำแต่ท่า Advance จนลืมพื้นฐานที่สำคัญ

เรื่องของ Data หรือข้อมูลเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในยุคปัจจุบันนี้ เพราะเป็นสิ่งที่จะมาช่วยเสริมกลยุทธ์ และพาธุรกิจไปในทิศทางที่ใช่มากขึ้น แต่ถ้าเรายังใช้ข้อมูลกันแบบหลงทาง อาจจะทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายที่เราคาดหวังเอาไว้ ดังนั้น การได้รู้และเข้าใจถึงทิศทางในมุมของการใช้ข้อมูลก็จะช่วยให้คุณโฟกัสในสิ่งที่ใช่ และตอบโจทย์ธุรกิจได้มากขึ้นด้วยพลังของข้อมูลครับ