ขณะที่ทุกคนกำลังอ่านบทความนี้ทุกคนคงได้รู้จักกับผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครคนใหม่กันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นก็คือ คุณ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งได้รับคะแนนเสียงกว่า 1.3 ล้านคะแนนเสียง(ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ) ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีผู้คนจับตามองและวงการสื่อให้พื้นที่กับเรื่องราวนี้ค่อนข้างเยอะ เรียกได้ว่า เปิดทีวีช่องไหน ไถฟีดโซเชียลใดก็จะพบกับข่าวนี้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งนี้นับเป็นอีกครั้งของการเลือกตั้งใหญ่ในไทยตั้งแต่การเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2562 เป็นการเลือกตั้งที่ผู้สมัครรวมถึงสื่อมวลชนใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหนึ่งในช่องทางหลักในการสื่อสารนโยบาย ทำความรู้จัก ไปยังประชาชนที่จะต้องลงคะแนนให้พวกเขา สำหรับวงการสื่อมวลชนเราคงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงกันตั้งแต่เลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมากันแล้วว่าในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยโซเชียลมีเดียนั้น การสื่อสารกับผู้คนในแบบเดิมๆ อาจไม่ตอบโจทย์ รวมถึงหากสังเกตดีๆ คุณจะพบว่าการเลือกตั้งผู้ว่าที่เพิ่งผ่านไป วงการสื่อมวลชนได้เปิดพื้นที่และให้ความสำคัญกับการประชันวิสัยทัศน์กันมากขึ้น ส่งผลให้การพูดถึงบนโลกโซเชียลในประเด็นเกี่ยวกับผู้ว่าฯ กทม. ก็เพิ่มขึ้นไปด้วย
กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม

Wisesight ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 196,000 ข้อความที่พูดถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2565 ผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE พบว่าประมาณ 15% หรือ 30,000 กว่าข้อความเป็นข้อความที่พูดถึงสื่อมวลชน รายการดีเบต ประชันวิสัยทัศน์ หรือรายการพิเศษที่สื่อแต่ละสำนักได้มีการทำขื้นเพื่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ซึ่งล้วนแต่มีรูปแบบรายการที่แตกต่าง หลากหลาย ไม่ซ้ำกันเลย เป็นทางเลือกสำหรับผู้ชมที่กำลังตัดสินใจเลือกผู้ว่าในดวงใจอยู่ ซึ่งข้อความเหล่านี้มีเอ็นเกจเมนต์รวม 12,813,487 เอ็นเกจเมนต์

จากเอ็นเกจเมนต์ทั้งหมดที่พูดถึงสื่อแต่ละสำนัก จะพบว่า THE STANDARD ได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงที่สุด อยู่ที่ราวๆ 4,124,726 เอ็นเกจเมนต์ (32%) ซึ่งถือว่าสูงมากๆ ในบรรดาสื่อที่ทำข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าในครั้งนี้ โดยเอ็นเกจเมนต์ส่วนใหญ่มาจากรายการ ‘THE STANDARD Debate The Candidate Battle’ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 พฤษภาคม โดยรายการมีลักษณะเป็นการประชันวิสัยทัศน์ที่ไม่ใช่เพียงแค่นำผู้สมัครมาเล่านโยบายเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบคำถามสดๆ ที่มาจากผู้ชม ณ ตอนนั้นเลย รายการจึงมีความตื่นเต้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีการตัดไฮไลท์ออกมาค่อยข้างเยอะเพื่อลงในช่องทางออนไลน์ของตัวเอง โดยหากย้อนกลับไปนั้น THE STANDARD เคยจัดเวทีดีเบตในลักษณะนี้มาแล้วเมื่อครั้งเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ครั้งนี้จึงมีการสานต่อความสำเร็จนั้นและได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม

สื่อสำนักต่อมาที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงที่สุดคือ VoiceTV ที่นำเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและเรื่องที่ถูกพูดคุยบ่อยที่สุดในช่วงนี้จะเป็นเรื่องอะไรไม่ได้ นอกจากเรื่องของผู้ว่าฯ กทม ที่ทำเอ็นเกจเมนต์รวมทั้งสิ้นราวๆ 2,546,304 เอ็นเกจเมนต์ (19%) เลยทีเดียว ความโดดเด่นของ VoiceTV คือการตั้งคำถามที่แตกต่างออกไป อย่างเช่นวิดีโอที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงที่สุดคือวิดีโอที่ชื่อว่า ‘ใครคือคนที่คุณจะไม่เลือก และฝากชีวิตไว้กับเขา’ ซึ่งเป็นคำถามที่แตกต่างไปจากสื่ออื่นที่มักจะถามถึงคนที่ประชาชนชื่นชอบ หรือต้องการที่จะเลือก วิดีโอนี้มีเอ็นเกจเมนต์ในเฟซบุ๊คสูงถึง 137,000 เอ็นเกจเมนต์ ยอดเข้าชมสูงถึง 2.6 ล้านครั้ง หรือจะเป็นอีกวิดีโอหนึ่งที่มีการสอบถามและพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุในกทม.ว่าจะเลือกผู้ว่าเป็นใคร ซึ่งเป็นหัวข้อที่น่าสนใจและไม่ค่อยได้เห็นบนพื้นที่สื่อมากนักเพราะหลายๆ สำนักจะเน้นไปที่ New Voter หรือคนรุ่นใหม่กันมากกว่า ทำให้เราอาจไม่ค่อยได้เห็นมุมมองของผู้สูงอายุต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และหากมองดีๆ ผู้สูงอายุนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันมากกว่าหนุ่มสาวหรือคนรุ่นใหม่ที่หลายคนอาจจะเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ไม่ได้มีทะเบียนบ้านที่กรุงเทพหรืออยู่ในจังหวัดใกล้เคียงอย่างนนทบุรี สมุทรปราการ เป็นต้น

สื่อสำนักต่อมาที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์มากที่สุดนั่นก็คือช่อง 3 โดยที่ไฮไลท์ของช่อง 3 คือการทำรายการดีเบท ‘ช่อง 3 ตามหาผู้ว่าฯเลือกตั้ง’ ที่เข้มข้นจนชาวโซเชียลต่างพากันพูดว่านี่คือรายการดีเบทที่ดุเดือดและประชันวิสัยทัศน์ของแต่ละผู้สมัครได้อย่างถึงที่สุดเพราะมีการพาประชาชนจากต่างสาขาอาชีพมาพูดถึงปัญหาที่พบมาตลอดและให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ ได้ตอบกันสดๆ ณ ตรงนั้น ซึ่งผู้ดำเนินรายการนั้นถือว่าเป็นนักข่าวแม่เหล็กของช่อง 3 เลย ทั้งคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา และ คุณกรรชัย กำเนิดพลอย จากเรื่องเล่าเช้านี้ และโหนกระแส ถือเป็นความแปลกใหม่ของรูปแบบรายการประชันวิสัยทัศน์อยู่ไม่น้อย เพราะเป็นการนำเอาผู้คนที่ประสบปัญหามากมายในกรุงเทพมาเป็นประเด็นเพื่อให้ผู้สมัครหาทางออกและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่กำลังจะโหวตในอีกไม่กี่วันต่อจากนั้น และในวันที่ 20 พฤษภาคม ช่อง 3 ก็ได้จัดดีเบตอีกครั้งและครั้งนี้ก็ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม โดยช่อง 3 นั้นได้รับเอ็นเกจเมนต์รวมทั้งสิ้น 1,293,174 เอ็นเกจเมนต์ (10%)
นอกจากนั้นยังมีอีกหลายสำนักข่าวที่มีเอ็นเกจเมนต์สูงในลำดับถัดมา ตัวอย่างเช่น
- Thairath (10%) ที่แม้จะเป็นช่องข่าวแต่ก็ยังมีรายการอื่นๆ ที่มีการพูดถึงประเด็นของผู้ว่าฯ กทม. หรือแม้กระทั่งมีรายการเกมโชว์แนวประชันวิสัยทัศน์ของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เป็นของตัวเองหลายรายการ กวาดเอ็นเกจเมนต์ไปทั้งสิ้นราวๆ 1,307,778 เอ็นเกจเมนต์
- WorkpointToday (5%) ที่เรามองว่าโดดเด่นในเรื่องของเกมโชว์ประชันวิสัยทัศน์ไม่แพ้ Thairath เลย ซึ่งตัวรายการนั้นมีการพูดถึงเรื่องราวที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งการให้ผู้สมัครมาลองจัดสรรงบประมาณของกทม. การให้บัตรใบหนึ่งไปแล้วลองทายว่าบัตรนี้คืออะไร (ซึ่งมันคือบัตรตั๋วร่วมหรือบัตรแมงมุมนั่นเอง) หรือจะเป็นคอนเทนต์รวมเพลงหาเสียงของผู้สมัครก็เป็นหนึ่งหัวข้อที่นับว่าน่าสนใจมากเช่นกัน
- The Matter (5%) ดึงเอาคุณจอมขวัญมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มาพร้อมกับ #กาเปลี่ยนกรุง ที่มีคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรายการสั้นๆ ที่เป็นการแนะนำความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับผู้ว่าฯ กทม. รายการแนวจับเข่าคุยอย่าง ‘ผู้ว่าHardtalk’ ที่ในตอนท้ายมีเซอร์ไพร์สเกิดขึ้นด้วยการให้ผู้สมัครลอง Role Play (แสดงเลียนแบบ) เป็นผู้สมัครคนอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นอีกมุมหนึ่งที่เราไม่ได้เห็นจากผู้สมัครในรายการอื่นๆ อย่างแน่นอน
- The Reporter (4%) ที่เน้นไปทางการรายงานข่าวสดตามจุดต่างๆ ซึ่งนำทีมโดยคุณ ฐาปนีย์ เอียดศรีชัย และนักข่าวภาคสนามอีกมากมาย รวมถึงในวันเลือกตั้งวันจริงก็มีการลงพื้นที่กันหลากหลายจุดเพื่อรายงานสดให้กับพี่น้องประชาชนที่รอลุ้นผลการเลือกตั้งอยู่หน้าจออย่างใจจดใจจ่อ
รายการพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
นอกจากรายการดีเบท ประชันวิสัยทัศน์แล้ว เราพบว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีรายการพิเศษที่ออกมาในรูปแบบสบายๆ พูดคุยในแบบกันเอง หรือแม้กระทั่งรูปแบบของเกมโชว์ซึ่งถือว่าแปลกใหม่มากๆ สำหรับรายการพิเศษในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง

ยกตัวอย่างเช่น WorkpointTODAY มีรายการ BANGKOK2022 ที่เป็นรูปแบบของเกมโชว์วิสัยทัศน์และนโยบาย ซึ่งก็มีตั้งแต่การให้แนะนำตัวภายใน 30 วินาที, ลองจัดสรรงบประมาณในแบบของตัวผู้สมัครเอง, รวมเพลงที่ใช้หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับดีมากๆ มีชาวโซเชียลหลายคนตัดบางช่วงบางตอนไปถกเถียงกันต่อ ก็ถือว่าช่วยให้ประชาชนที่กำลังจะเลือกได้เข้าใจมุมมองต่อผู้สมัครมากยิ่งขึ้น

หรือจะเป็นรายการ ‘กินข้าวกับผู้ว่า’ ของ Thairath ดำเนินรายการโดย ‘นิ้วกลม’ สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ และ อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา บรรณาธิการบริหารไทยรัฐออนไลน์ ซึ่งจะพาผู้สมัครมาร่วมโต๊ะกินข้าวแบบสบายๆ อีกรายการที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ ‘ผู้ว่ามหานครท้าดวล’ ของ Thairath อีกเช่นกัน ซึ่งรายการมาในรูปแบบเกมโชว์แบบที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งรายการในรูปแบบนี้ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวผู้สมัครได้ชิงไหว ชิงพริบในการตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานครซึ่งเราอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นรายการในรูปแบบนี้กันสักเท่าไหร่ ถือว่าเป็นหนึ่งในความน่าสนใจและสีสันของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้เลยทีเดียว
เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน … ทุกคนจึงอยากคุยกับผู้ว่า

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนจริงๆ ไม่เว้นสาขาอาชีพใด และการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกคนก็ล้วนอยากจะพูดคุยกับผู้ว่าคนใหม่กันมากๆ หลังจากที่เราวิเคราะห์ข้อมูลเราก็พบว่ามี 3 รายการที่น่าสนใจมากๆ เริ่มต้นด้วย ‘ป๋าเต็ดทอล์ก’ ซึ่งเป็นรายการแนว deep conversation มากๆ ดำเนินรายการโดยป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม จากปกติที่แขกรับเชิญจะเป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงดนตรี คราวนีป๋าเต็ดอยากลองมาคุยกับผู้ว่าดูบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ เพราะทุกบทสนทนากับทุกผู้สมัครล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่น่าฟัง แม้จะเน้นไปเรื่องของการเมือง แต่ก็มีวกเข้ามาเรื่องดนตรีและการเข้าใจตนเอง ทำให้เป็นหนึ่งรายการในช่วงระหว่างการเลือกตั้งที่ได้รับกระแสตอบรับและมียอดเข้าชมสูงมากๆ

อีกรายการที่น่าสนใจนั่นก็คือ ‘โต๊ะแชร์ผู้ว่า’ จาก WOODY LIVE ดำเนินรายการโดย วู้ดดี้ มิลินทจินดา เป็นรายการสดที่น่าสนใจตรงที่ตลอด 1 ชั่วโมง 50 นาที มีหลากหลายประเด็นให้เราได้ฟังจากตัวผู้สมัครตั้งแต่พริกน้ำปลาไปจนเรื่องฟุตบอล เราได้เห็นว่าผู้สมัครแต่ละคนมีอาหารที่ชอบเป็นเมนูไหน ใครแพ้อาหารชนิดไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่รายการอื่นๆ ไม่ได้ถามแน่ๆ แต่ด้วยความที่เป็นรายการสด กินไป พูดคุยไป บทสนทนาที่ไหลลื่นจึงนำพาซึ่งเรื่องราวที่น่าสนใจตลอดรายการ
เมื่อความเห็นบนโซเชียลถูกรังสรรค์ให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น


อย่างที่ได้กล่าวไปว่าตอนนี้คือยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อผู้คนในหลายเรื่องราวไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของการเลือกตั้งและตัวผู้สมัคร Wisesight ได้จับมือกับ WeVis และ THE STANDARD พัฒนาเว็บไซต์ Bangkok Election 2022 ซึ่งเป็นชุดข้อมูลสาธารณะที่รวบรวมทุกมิติเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งมีส่วนของ Social Trend เพื่อเช็คว่าที่ผ่านมาผู้สมัครแต่ละคนถูกพูดถึงมากน้อยแค่ไหน รวมถึงเรื่องไหนบ้างที่พวกเค้าพูดถึงกัน ข้อมูลที่ใช้ในงานชิ้นนี้ เก็บรวบรวมโดยเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียล ‘ZOCIAL EYE’ ของ Wisesight ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการร่วมมือกันระหว่างสื่อและ Wisesight ที่จะนำเสนอข้อมูลโซเชียลที่ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในเครื่องมือแต่ยังสามารถเชื่อมต่อกับสื่อและถูกเผยแพร่ไปยังทุกคนได้
หากย้อนกลับไปเมื่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อ 9 ปีที่แล้วคุณอาจจะกำลังเฝ้ารอผลเลือกตั้งอย่างใจจดใจอยู่หน้าจอทีวี ตามเสียงวิทยุในรถ รอรายการข่าวตอนเย็นเพื่อสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปวงการสื่อก็ย่อมเปลี่ยนแปลงให้ทันกัน นี่เป็นเพียงบางส่วนสำหรับหน้าประวัติศาสตร์แห่งวงการสื่อสารมวลชนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย รวดเร็ว ผนวกเข้ากับโซเชียลมีเดียที่กำลังจะกลายเป็นสื่อหลักในวันนี้ ต่อจากนี้วงการสื่อจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนเป็นเรื่องที่น่าจับตามองจริงๆ