หากคุณใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการสื่อสาร Crisis Management เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องทำครับ หลายคนอาจมองว่า วิกฤตทางโซเชียลเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ การมานั่งวางแผนอาจทำให้เสียทั้งเวลาและกำลังคน เหมือนซื้อประกันทิ้งไว้ แต่อุบัติเหตุไม่เกิด ก็เหมือนเสียเงินไปอย่างฟรีๆ แต่เราอยากจะบอกว่า  Crisis Management เป็นสิ่งที่คุณต้องรีบทำตั้งแต่ที่สร้างช่องทางโซเชียลเลยครับ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้เกิดข้อดีมากกว่าข้อเสีย ว่าแต่การทำ Crisis Mangement แล้วดีอย่างไร ลองมาดูกันครับ

4 ข้อดีของการทำ CRISIS MANAGEMENT

1. รักษาภาพลักษณ์องค์กร

ข้อดีของ Crisis Management จะช่วยรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรหรือแบรนด์ได้ เชื่อไหมครับว่า แค่คอมเมนต์เชิงลบหนึ่งคอมเมนต์อาจทำให้เกิดดราม่าที่โด่งดังไปทั่วโซเชียลเลยก็ได้ และเมื่อดราม่านี้เข้าถึงหูของผู้คน สิ่งที่ตามมาก็คือ ผู้คนจะมองแบรนด์ของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ บางทีชื่อเสียงที่สร้างมานานนับ 10 ปี อาจพังทลายไปแค่เพียงชั่วข้ามคืนเลยก็ได้ แต่ถ้าคุณทำ Crisis Management มีเครื่องมือช่วยมอนิเตอร์โลกโซเชียลของคุณ คุณก็จะรู้ทันดราม่า และแก้สถานการณ์ได้ทัน ก่อนที่แบรนด์จะพังครับ

2. ประหยัดเวลา และแรงงาน

การวางแผน Crisis Management เอาไว้ อาจจะเสียเวลาในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อไหร่ที่เหตุเกิด คุณจะสามารถจัดการได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าหากคุณไม่เคยนึกถึงแผนเหล่านี้เลย คุณอาจจะต้องใช้เวลานานในการแก้ไขสถานการณ์ และต้องรวบรวมกำลังคนจำนวนมากให้มาจัดการกับคอมเมนต์นับร้อยที่กำลังโจมตีช่องทางโซเชียลคุณอยู่ แต่ถ้าคุณมีแผนเอาไว้แล้ว คุณจะสามารถจัดการในเวลาอันรวดเร็ว และถ้ายิ่งมีเครื่องมือช่วยมอนิเตอร์ คุณไม่จำเป็นต้องหาคนเพิ่มมาจัดการ Crisis แค่ปล่อยให้เครื่องมือทำหน้าที่นี้แทน

3. รู้ดราม่าก่อนใคร รับมือได้ทัน

ยิ่งรู้ตัวช้า ความเสียหายยิ่งมากขึ้นตาม วิธีป้องกันดราม่าลุกลามคือ เราต้องรู้ดราม่านั้นเร็วกว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าคนอื่นๆ คู่แข่ง หรือแม้แต่หัวหน้าของคุณเอง ถ้าคุณมีเครื่องมือมอนิเตอร์ช่วยดูแล ก็จะช่วยให้คุณรู้ดราม่านั้นได้ทันเมื่อเกิดเรื่องขึ้นครับ พอรู้ได้เร็ว ก็จะรับมือกับดราม่าได้เร็ว ดับไฟได้ก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านี้

4. ป้องกันการสูญเสียทางธุรกิจ

เมื่อเกิดดราม่าบนโลกโซเชียลทีหนึ่ง ไม่ใช่แค่ทำให้แบรนด์หรือธุรกิจของคุณเสียชื่อเสียงเท่านั้น แต่ส่งผลต่อยอดขายของคุณด้วย คำว่า “ดราม่า” หรือ “วิกฤต” มักจะพ่วงมาด้วยความรู้สึกในเชิงลบ เมื่อลูกค้ารู้สึกลบกับแบรนด์ของคุณ ก็ส่งผลให้ไม่อยากที่จะซื้อสินค้าหรือสนับสนุนสินค้าของคุณต่อ ดราม่าหนึ่งครั้งอาจทำให้คุณเสียรายได้ไปกว่าครึ่งเลยก็ได้

ดังนั้น การทำ Crisis Management จึงสำคัญครับ หนึ่งในวิธีที่น่าสนใจก็คือ หาเครื่องมือ Social Monitoring เอาไว้ช่วยมอนิเตอร์โลกโซเชียลของคุณ อย่าง MONITORING ของ Wisesight ที่ช่วยคุณสอดส่องโซเชียล แจ้งเตือนดราม่าออนไลน์ได้เร็วสุด ให้คุณรับมือได้ทันท่วงที ต่อให้ไม่มีดราม่าเกิด ก็ช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจ ไม่ต้องกังวลว่าแบรนด์จะพังเมื่อไหร่ เพราะถ้าคุณเริ่มทำ Crisis Management ตั้งแต่วันนี้ ไม่มีทางที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น