สวัสดีทุกคน วันนี้ทีม People มีบทสัมภาษณ์จากน้องเดียร์ พนักงานน้องใหม่ของทีมที่เพิ่งจบการฝึกงานไปหมาด ๆ มานำเสนอ เรื่องราวของน้องเดียร์จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันได้เลย

แนะนำตัวหน่อย เรียนคณะอะไร และมาฝึกงานตำแหน่งอะไรที่ Wisesight

เราจบจากคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คณะไม่มีเอก ส่วนตัวเราก็ไม่ได้เน้นลงวิชาแขนงไหนเป็นพิเศษ เรามาฝึกตำแหน่ง human resource management แต่ก่อนหน้านี้คือไม่เคยมีประสบการณ์ด้าน HRM มาก่อนนะ

มาฝึกที่นี่ได้อย่างไร มีขั้นตอนสมัครอย่างไรบ้าง

มีเพื่อนแชร์มาในไลน์กลุ่มรุ่นว่า Wisesight เปิดรับนักศึกษาฝึกงาน คือช่วงนั้นเราเพิ่งเรียนจบและ piority คือหางานประจำ แต่ที่นี่ culture องค์กรน่าสนใจ เดินทางง่ายด้วย เราก็เลยกดสมัครไปในเว็บของบริษัท (https://www.careers-page.com/wisesight) จากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ก็มีพี่โทรมา phone screen และนัดสัมภาษณ์ แล้วหลังสัมภาษณ์วันเดียวก็โทรมาแจ้งผลเลย รวดเร็วทันใจมาก 555555555

งานที่ได้ทำตอนฝึกงานมีอะไรบ้าง

ด้วยความที่ Wisesight เป็นบริษัทขนาดกลาง เราเลยได้เห็นวงจรชีวิตการทำงานของพนักงานทั้งหมด ตั้งแต่ recruit (สรรหา), probation (ทดลองงาน), challenge (เลื่อนตำแหน่ง)  ไปจนถึง resign (ลาออก) ในฐานะ intern ก็ได้อย่างละนิดอย่างละหน่อย เพราะพี่ ๆ จะไม่ปล่อยให้เราเหนื่อยเกินไป 5555555 หลัก ๆ ที่เราได้ทำก็จะมี

  • เป็น admin แพลตฟอร์มจัดการทรัพยากรบุคคลที่บริษัทใช้
  • ทำแฟ้มประวัติพนักงานใหม่และลาออก พร้อมอีเมล์แจ้งฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง
  • ช่วย support พี่ ๆ ตอบคำถามพนักงาน ตั้งแต่ข้อบังคับการใช้ออฟฟิศ กระบวนการทดลองงาน และสวัสดิการต่าง ๆ เช่น การเบิกประกันสังคม การตรวจสุขภาพประจำปี การเคลมประกันกลุ่ม และทำ infographics ประชาสัมพันธ์ด้วย

นอกจากนี้พี่ ๆ รู้ว่าเราสนใจ HRD ด้วยเหมือนกัน ก็เลยให้เราไปช่วยฝ่าย HRD ด้วย ในส่วนที่เราได้ทำก็มี

  • Training เราได้ support การจัดอบรมต่าง ๆ ภายในบริษัท (และเราก็ได้เข้าไปเรียนด้วย!)
  • Employer branding เราได้ช่วยคิด caption ลงโซเชียลของบริษัท ซึ่งมีทั้งภาษาไทยและอังกฤษเลย 
  • Recruitment อันนี้เราอยากทำเพิ่มเอง พี่ ๆ เลยให้ช่วย screen resume ของตำแหน่งที่ไม่ได้มี JD ซับซ้อนมาก เราเลยได้ลองใช้แพลตฟอร์ม recruit หลังบ้านที่บริษัทใช้ด้วย 

แล้วได้อะไรจากการฝึกงานที่นี่บ้าง

เราได้พัฒนา soft skill สุด ๆ ต้องฝึกพูดให้ตรงประเด็นและกระชับขึ้น เพราะเราดูแลผลประโยชน์ของทั้งพนักงานและบริษัท บางทีมี conflict เกิดขึ้น เราก็ได้เห็นพี่ ๆ ใช้ทักษะในการสื่อสารและการประนีประนอมในการ handle conflict นั้น เรารู้สึกว่าในห้องเรียนไม่น่าจะได้เจอประสบการณ์แบบนี้แน่ ๆ 

ส่วน hard skill เราได้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรบุคคลเบื้องต้น การจัดการ/จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของฝ่ายบุคคล แล้วก็ความรู้กฎหมายแรงงานเบื้องต้น ครอบคลุมถึงทั้งเรื่องสวัสดิการ เงินเดือน การทดลองงาน การลาฯ เราได้รู้ว่าอะไรผิดหรือชอบด้วยกฎหมายบ้าง และนายจ้าง/ลูกจ้างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างไร นอกจากนี้เราได้ฝึกใช้ Google suite จนคล่องเลย (drive, doc, sheets, calendar ect.) 

อะไรที่คิดว่าไม่น่าจะได้จากการเรียนในมหาลัย แต่ได้จากการฝึกงาน

แทบทุกอย่างเลย เพราะส่วนมากตำแหน่งนี้ใช้ soft skill เยอะ ซึ่งมันเป็นทักษะที่ต้องเจอสถานการณ์จริงเราถึงจะพัฒนาได้ไว การมี hand on experience การได้เห็น จัดการข้อมูล และได้เผชิญสถานการณ์จริง ๆ ทำให้เรามีความมั่นใจขึ้นด้วย

Culture ของที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง

ที่นี่ดึงดูดเราเพราะ culture เลย แน่นอนว่ามีหลายองค์กรที่นำเสนอตัวเองว่าเป็น flat organization แต่ที่นี่เป็นที่เดียวที่เราเห็นพูดเรื่อง pride เราคิดว่ามันคือ core ของการเคารพพนักงานในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีศักดิ์ศรี และเราก็เห็น policy ต่าง ๆ ที่มันล้อมาจาก culture นี้ด้วย พอเข้ามาฝึกงานจริง สิ่งที่เราเจอก็ค่อนข้างสอดคล้องกับ culture ที่องค์กรขายไว้นะ เราสื่อสารกับคนตำแหน่งสูงกว่าเราได้แบบไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น แล้วเวลาทำงานกับทีม เราพี่ ๆ จะชอบ encourage ให้เราตัดสินใจเองได้เลยเยอะ เรารู้สึกถูก empower เวลาเราแชร์ไอเดียอะไรเรารู้สึกถูกรับฟัง เราได้เห็นไอเดียของเราถูกนำไปทำจริงมันเลยเสริมแรงให้เรายิ่งอยากแชร์ความคิดเห็น หรือต่อให้ไอเดียเราถูกปัดตก พี่ ๆ ก็ยังอธิบายเหตุผลว่าทำไม จะไม่มีการบอกว่านั่นคือ bad idea แล้วจบ 

สิ่งที่ประทับใจใน Wisesight 

ด้วยความที่ Wisesight เป็นบริษัทขนาดกลาง เราเลยได้เห็นครบตั้งแต่ต้นจนจบอย่างที่บอกไป ทุกคนจริงจังกับการวางระบบของงานและทำงานให้เป็นแบบแผน อย่างเช่นที่เรามาฝึกงาน ตำแหน่งของเราก็มี expectation ละเอียดชัดเจนเพื่อให้ทีมประเมินเราได้อย่างตรงจุดและลดอคติ  และบริษัทก็กำลังเติบโตเหมือนกัน ยังมี area for improvement อีกเยอะ พี่ ๆ ก็ encourage ให้เราเข้าไป improve มันได้ตลอด มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจที่สามารถนำไปเล่าต่อได้ว่าเราช่วยพัฒนาองค์กร (ในขอบข่ายหน้าที่ของเรา) ไปอย่างไรบ้าง เราไม่ได้มาทำแค่งาน operation ไปวัน ๆ  

สำหรับทีม เราประทับใจที่ทีมสนใจการเติบโต การเรียนรู้ และความสนใจของเราเหมือนกัน ไม่ใช่ให้เราทำแค่งาน operation เพื่อลด workload ของทีมอย่างเดียว และอีกเรื่องคือทีมมีความพยายามในการจัดการ conflict บรรยากาศในทีมเอื้อให้เราพูดคุยกันได้ นอกจากนี้พี่ในทีมเอื้อให้เราได้สวัสดิการต่าง ๆ ขององค์กรเสมอ เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี หรือการไป outing กับทีม เราในฐานะสมาชิกใหม่ไม่ได้รู้สึกถูก exclude หรือ left out 

เรื่องอะไรก็ได้ใน Wisesight ที่อยากเล่า อยากแชร์ให้คนอื่นฟัง

เป็นองค์กรที่เน้นเรื่อง trust ค่อนข้างเชื่อใจพนักงาน ลาป่วยถ้าไม่เกิน 3 วันไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์, HR ต้องย้ำให้พนักงานวางแผนใช้วันลาให้หมด ทำงานที่นี่แล้วเรารู้สึกเป็นมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรอะ แล้วก็เราชอบที่ที่นี่ส่วนมากทุกคนเป็นกันเอง พอเจอกันในห้องน้ำหรือทางเดินก็มีผงกหัวให้กัน พี่บางคนอยู่คนละทีมเลยแต่ก็เข้ามาคุยกับเราก่อน บางคนเราจำเขาไม่ได้แต่เขาจำเราได้ก็มี 555555555555

ฝึกงานแล้วได้ transfer เป็นพนักงานประจำด้วยรู้สึกอย่างไร และคิดว่าทำไมตัวเองถึงได้เป็นพนักงานประจำ

ดีใจสุด ๆ เพราะหลังฝึกงานประจำเราตั้งใจจะหางานประจำทำต่อทันทีอยู่แล้ว เราไม่ต้องเหนื่อยหางานใหม่ แล้วเราก็ enjoy การทำงานที่นี่มากกกกกก ในระยะยาวเราไม่เห็นภาพตัวเองแลกสุขภาพจิตกับงาน และค่อนข้างเห็นภาพตัวเองเติบโตไปกับองค์กรแหละ 

ส่วนเหตุผลที่ได้เป็นพนักงานประจำต่อ เราคิดว่าเป็นเพราะพี่ ๆ เห็นความกระตือรือร้นและความพยายามจะเรียนรู้ของเรา (ก็ชมตัวเองไปเลยสิคะ 55555555) คือเราทำตาม expectation ได้ค่อนข้างเกินความคาดหวัง (เพราะมันถูกเขียนไว้ชัดเจนด้วยเราเลยรู้ว่าเราต้องทำอะไรอย่างไร) แล้วทีมก็ feedback ว่าเรามี new and fresh ideas ให้ทีม และเราเป็นคนที่ planing งานได้ดี น่าจะมาช่วยแบ่งงาน operation ของพี่ ๆ ได้  

การเปลี่ยนจาก intern เป็นพนักงานประจำมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง 

คือเราสื่อสารกับทีมตั้งแต่ต้นว่าเราเรียนจบแล้วและอยากทำงานประจำนะ 555555555 ทีแรก manager บอกเราตรง ๆ ว่าอาจจะยังสัญญาไม่ได้ แต่เอาจริง ๆ ช่วงนั้นทีมก็ขาดคน บวกกับการประเมินของเราค่อนข้างดีมากทุกเดือนอย่างที่บอกไป  จากนั้นประมาณสองเดือนพี่ manager ก็เลยเสนอตำแหน่งงานประจำให้ เราไม่ต้องสัมภาษณ์อีกรอบเพราะเป็น internal recruit ต่อจากนั้นก็ได้คุยกับ manager เรื่องวันเริ่มงาน เงินเดือนที่หวัง การเติบโตในสายงาน ฯ แล้วก็คุย expectation ของตำแหน่งงานประจำกับหัวหน้าของเราด้วย 

สรุป อยากฝากอะไรกับคนที่มาอ่าน

เราคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ Wisesight เป็น first job เพราะสังคมที่ทำงานดี ตัวเนื้องานเราทำได้ สุดท้าย personally สุด ๆ อยากให้กำลังใจทั้งคนที่กำลังหาที่ฝึกงานและ first jobber ที่กำลังกังวลอยู่ว่า everything will work out for you somehow ทุกคนมีความพยายาม ทุกคนมีความสามารถ ทุกคนสมควรได้งานที่จะช่วยให้เรา growth ไม่ใช่ทำลายสุขภาพกายสุขภาพใจ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนพบเจองานที่ใช่ไว ๆ นะ

ใครอยากเจองานที่ใช่ ลองกดตรงนี้ได้เลย
https://www.careers-page.com/wisesight แล้วมาเจอกันนะ!