เป็นลายเส้นที่เราตั้งใจทำให้กำกวมและตีความได้หลายความหมายขึ้นอยู่กับความรู้ของผู้ที่เห็น ด้วยปัญญาประดิษฐ์ทั้งหลายล้วนมีสมการทางคณิตศาสตร์อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น และสมการเหล่านั้นสามารถถูกทำให้เห็นภาพได้โดยมีแกนตั้งและแกนนอนเป็นตัวกำหนดขอบเขต เรียกว่าสมการเชิงเส้นสองตัวแปร หรือกราฟเส้น ในฐานะที่ท่านได้เป็นเจ้าของเสื้อตัวนี้แล้ว เราจึงขอมอบคำอธิบายของลายเส้นไว้เป็นจุดอ้างอิง ดังนี้
ลายเส้นดูคล้ายกับกราฟได้ 3 แบบ นั่นคือ
1. Kubler-Ross Change Curve
เป็นแบบจำลองที่อธิบาย 5 ช่วงอารมณ์หลัก ๆ ที่คนเรามักจะประสบเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ได้แก่ ปฏิเสธ โกรธ ต่อรอง ซึมเศร้า และยอมรับ เดิมทีใช้เพื่ออธิบายการตอบสนองต่อความสูญเสียหรือความตาย แต่ต่อมาได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงในที่ทำงาน หรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิตส่วนตัว
แบบจำลองนี้ช่วยให้เราเข้าใจกระบวนการทางอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแต่ละคนอาจมีประสบการณ์ และระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนแตกต่างกันไป การตระหนักรู้ถึงอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ณ จุด ‘My AI Knowledge’ บนกราฟนี้ อาจหมายถึงอารมณ์ด้านปัญญาประดิษฐ์ของเราอยู่ในช่วงอารมณ์ซึมเศร้า (Depression) รู้สึกเสียใจ ท้อแท้ จำเป็นต้องปรับตัว และผ่านพ้นการเปลี่ยนแปลงไปได้
2. Gartner Hype Cycle
เป็นกราฟที่แสดงให้เห็นถึง 5 ระยะของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตั้งแต่เริ่มเป็นที่รู้จัก จนถึงจุดสูงสุดของความคาดหวัง จุดตกต่ำ จุดที่เริ่มมีความเข้าใจ และสุดท้ายคือจุดที่มีเสถียรภาพหรือล้มหายตายจากไป โดย Gartner Hype Cycle ช่วยให้เราเข้าใจวงจรชีวิตของเทคโนโลยี ประกอบการตัดสินใจลงทุน และประเมินความเสี่ยง
นักการตลาดหรือนักลงทุนสามารถใช้ Gartner Hype Cycle เพื่อประเมินว่าควรลงทุนในเทคโนโลยีใด และควรลงทุนในช่วงเวลาใด อย่างไรก็ตาม Gartner Hype Cycle เป็นเพียงการคาดการณ์ ไม่ได้เป็นสิ่งที่แน่นอนเสมอไป
ณ จุด ‘My AI Knowledge’ บนกราฟนี้อยู่บนช่วง Trough of Disillusionment คือช่วงที่ความสนใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ลดลงหลังจากที่เคยโด่งดัง เกิดจากความคาดหวังที่สูงเกินจริง ปัญหาในการใช้งาน และการแข่งขันที่สูง ทำให้ผู้คนเริ่มผิดหวัง สื่อให้ความสนใจน้อยลง และอาจมีการวิพากษ์วิจารณ์ บางเทคโนโลยีอาจล้มหายตายจากไปในช่วงนี้ แต่บางเทคโนโลยีอาจผ่านพ้นไปได้และได้รับการพัฒนาต่อยอดจนใช้งานได้จริงในที่สุด
3. Dunning-Kruger Effect
เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่อธิบายว่า คนที่ขาดความสามารถหรือความรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มักจะประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินจริง เนื่องจากพวกเขาขาดความสามารถในการรับรู้ถึงข้อบกพร่องของตนเอง ส่งผลให้พวกเขามีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วพวกเขาจะทำผลงานได้ไม่ดีก็ตาม
คนที่อยู่ในภาวะ Dunning-Kruger Effect มักจะไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างความสามารถที่แท้จริงของตนเองกับความสามารถของผู้อื่นได้ พวกเขาอาจจะคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาด้อยกว่า ปรากฏการณ์นี้พบได้ทั่วไปในหลาย ๆ ด้าน การตระหนักรู้ถึง Dunning-Kruger Effect ในตนเองเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราพัฒนาตนเองและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ณ จุด ‘My AI Knowledge’ จะอยู่ช่วงต่ำสุดของหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง (Valley of Despair) ซึ่งเราตระหนักได้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งอย่างที่คิด ความมั่นใจจะลดลงอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ภาวะท้อแท้ สิ้นหวัง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ บางคนอาจยอมแพ้ หยุดพัฒนาตัวเอง แต่เราสามารถอาจใช้ช่วงเวลานี้เป็นแรงผลักดันให้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไปได้
ท่านสามารถเลือกความหมายใด ใน 3 กราฟนี้เป็นจุดเริ่มต้นในบทสนทนาที่ท่านสามารถใช้พูดคุยกับคนทั่วไปได้โดยไม่ผิดหลักการแต่อย่างใด
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้เพื่อความสนุกของตัวท่านเอง